สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

วิชา เห็นใจ อสส. ง่อนแง่น ยันหลักฐาน ปู โกงข้าวมีครบ ลั่นถ้าไม่ไหวจะฟ้องเอง

วิชา" เห็นใจ อสส. ง่อนแง่น ยันหลักฐาน "ปู" โกงข้าวมีครบ ลั่นถ้าไม่ไหวจะฟ้องเอง

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ป.ป.ช. ชี้อัยการสูงสุดไม่เห็นข้อมูลชัดเจน เห็นใจที่สถานะง่อนแง่น คนก่อนก็ถูกปลดกลางอากาศ ขอแสดงความมุทิตาจิต ยันหลักฐาน "ปู" เมินยับยั้งโครงการข้าวมีหลักฐานครบ สอบพยานก็ครบ ชี้ถ้าได้เห็นหลักฐานจะเป็นลม ยันตกลงกันได้อยากให้ฟ้อง แต่ถ้าไม่ไหวก็ฟ้องเอง เชื่อในฐานะรุ่นพี่คงไม่ถอดใจง่ายๆ แจงส่งงานวิจัยทีดีอาร์ไอแสดงให้เห็นของจริง ไม่ได้ตรวจวิทยานิพนธ์ อยากได้ให้บอก
       
       วันนี้ (5 ก.ย.) เมื่อเวลา 17.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมการและโฆษก ป.ป.ช. ในฐานะกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวนไต่สวนโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีอัยการสูงสุด (อสส.) ยังสั่งไม่ฟ้องคดีรับจำนำข้าว และมีคำสั่งให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง อสส. กับ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่า ป.ป.ช. ไม่รู้สึกแปลกใจเรื่องที่ อสส. ระบุว่า พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอหรืออะไรต่างๆ เพราะท่านยังไม่เห็นข้อมูลที่อยู่ในมือของเราในการเชื่อมโยงให้เห็นความ ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกเห็นใจท่าน อสส. เพราะขณะนี้สถานะท่านง่อนแง่นมาก จะเห็นได้เลยว่า ท่าน อสส. คนก่อนก็ถูกปลดกลางอากาศทางโทรทัศน์ ตอนเวลา 2 ทุ่ม อย่างนี้น่าเห็นใจหรือไม่ ดังนั้น อย่าไปรุกเร้าท่าน อสส. มากเลย เพราะน่าเห็นใจจริงๆ ความจำเป็น จำใจ หรืออะไรต่ออะไรที่เกิดขึ้นนั้น เราในฐานะที่เป็นองค์กรในกระบวนการยุติธรรมด้วยก็ต้องขอแสดงมุทิตาจิต แต่อย่างไรเราก็ยืนยันว่า ไม่ได้ส่งหลักฐานอ่อนไปให้ อสส.
       
       นายวิชา กล่าวว่า กรณี อสส. แถลงข่าวเรื่องข้อไม่สมบูรณ์ในพยานหลักฐานคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ใน 3 ประเด็นคือ 1. นายกฯ มีอำนาจยับยั้งโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่เก่ามากแล้ว และหลักฐานมีครบถ้วน แต่คงจะคุยกันรู้เรื่องในคณะทำงานร่วม แต่สำหรับประเด็นนี้ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยเสนอประเด็นดังกล่าวแล้วด้วย 2. ที่ อสส. ตั้งข้อสังเกตว่า รวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่อย่างไรนั้น เราได้มีการสอบพยานจนครบถ้วนแล้ว และทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ได้เสนอให้สอบเพิ่ม แต่ ป.ป.ช. มีความเห็นไปแล้วว่า เมื่อเสนอมาก็รับไว้ แต่พิจารณาเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องเพียงพอที่จะต้องสอบพยานเพิ่มแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรายังไม่ได้รับข้อมูลจาก อสส. อย่างเป็นทางการ แต่เป็นการออกมาตอบโต้หลังจาก อสส. แถลงข่าวผ่านสื่อ ซึ่งเราคงต้องรอให้ อสส. ส่งมาอย่างเป็นทางการอีกที แต่อยากเรียนว่าถ้า อสส. ได้เห็นหลักฐานที่จะส่งตามไปอีกนี้ ท่านอาจไม่ทำคดีต่อ แต่เป็นลมล้มคว่ำไปเอง เพราะมันเหลือกำลังรับจริงๆ เพราะประเทศนี้เมืองนี้มันสุดยอดแล้ว
       
       นายวิชา กล่าวต่อว่า และ 3.สำหรับงานวิจัยโครงการรับจำนำข้าวของทีดีอาร์ไอนั้น ความจริงมีอยู่ในพยานหลักฐานที่มาเบิกความกันไว้หมดแล้ว และ อสส. เป็นหน่วยงานที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมด้วยกัน หากสงสัยอะไร เราเคยมีข้อตกลงกันว่าถ้ามีข้อมูลอะไรยังไม่ครบถ้วนก็ขอมาได้ ไม่จำเป็นต้องมาตั้งคณะทำงานร่วม แต่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ทั้งตน นายประสาท และกรรมการ ป.ป.ช. ทุกคน พูดตรงๆ ว่า เราสวดมนต์ทุกวันให้ อสส. อยู่รอดปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ถ้าตกลงกันได้อยากให้ อสส. ฟ้อง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ป.ป.ช. จะต้องดำเนินการเอง เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจน
       
       “แต่ดูจากที่ อสส. แถลงข่าว ดูเหมือนจะถอดใจแล้ว แต่ผมคิดว่า ท่านเป็นรุ่นน้องที่ผมเชื่อถือ คงจะไม่ถอดใจง่ายๆ หรอก ดังนั้น ผมจะรอรายละเอียดที่ อสส. จะส่งมาให้แล้วตั้งคณะทำงานร่วม ถึงแม้ว่า ป.ป.ช. อยากจะฟ้องร้องเองมากแค่ไหน แต่ก็ต้องใช้วิธีที่จะทำงานให้ราบรื่น” นายวิชา กล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไม ป.ป.ช. จึงส่งเอกสารหลักฐานที่เป็นผลวิจัยของทีดีอาร์ไอไปเพียงแค่ปกเท่านั้น นายวิชา กล่าวว่า ป.ป.ช. ได้แจ้ง อสส. ไปแล้วว่าหลักฐานมีอยู่ทุกอย่างถ้าต้องการให้มาขอ เพราะส่วนใหญ่เป็นพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการเริ่มต้นสอบ โดยเป็นพยานบุคคลที่ได้ให้ถ้อยคำเอาไว้อย่างครบถ้วน แต่ อสส. ไม่ได้ติดต่อมาเลย ทั้งที่เราได้สอบถามไปแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง ขอบอกว่าเราไม่ได้ตรวจวิทยานิพนธ์ ถ้า อสส. อยากอ่านในรายละเอียดจะเอาไปนอนอ่านเล่นนั้นได้เลย
       
       เมื่อถามว่า การส่งไปแต่ปกแสดงว่า ป.ป.ช. กลัวว่าเอกสารหลักฐานจะมีจำนวนมากเกินไปหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ไม่ใช่ไปแต่ปกก่อน แต่แสดงให้เห็นว่ามันเป็นของจริง โดยพยานหลักฐานได้เบิกความเอาไว้ครบถ้วนแล้ว มีรายละเอียดชัดเจนว่าเขาได้ทำการวิจัยไว้อย่างไรบ้าง
       
       เมื่อถามว่า การระบุว่า อสส. กำลังง่อนแง่นนั้นเพราะ อสส. กำลังถูกแทรกแซงโดยการเมืองใช่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ตนไม่ได้ระบุเช่นนั้น แต่บอกเพียงว่ารู้สึกสงสารและเห็นใจ อสส. ที่เข้ามาทำงานแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว คนเดิมไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นกัน ลองคิดดูอกเขาอกเรา ด้วยความเห็นอกเห็นใจเราต้องหยุดนึกดูถึงสภาพบุคคลที่อยู่ดีๆ คนที่มีหมวกสูงสุดขององค์กรถูกปลดกลางอากาศ แล้วอีกคนหนึ่งเข้ามาแทนก็ยังอยู่ในฐานะที่ไม่แน่นอน ยังไม่รู้ตัวเลย ดังนั้น ต้องเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ


“หม่อมอุ๋ย” ดอดแจง ป.ป.ช.คดีโกงข้าว ไม่ประหลาด อสส.ยื้อเวลา เชื่อสุดท้ายก็ต้องฟ้อง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

รองนายกฯ ให้ถ้อยคำ ป.ป.ช. คดีจำนำข้าว ปมค้าข้าวกับอินโดนีเซีย ไม่เซอร์ไพรส์ อสส. ยื้อเวลา เห็นรายละเอียดไม่ตรงกัน เชื่อคุยกันได้สุดท้ายก็ต้องฟ้อง เผยพร้อมแถลงนโยบายแล้ว “บิ๊กตู่” จ้อเอง
       
       วันนี้ (5 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 13.30 น. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะพยานกรณีไต่สวนข้อเท็จจริงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ซึ่ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง สมัยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กับ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ สมัยดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ว่า มีพฤติกรรมละเลยต่อหน้าที่หรือไม่ ในกรณีที่ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทล้มละลายเข้ามามีบทบาทรับผิดชอบในเรื่องของการรับซื้อข้าวและ ระบายข้าวให้กับรัฐบาลอินโดนีเซีย ผ่านองค์กรสำรองข้าวอินโดนีเซีย (บูล็อก)
       
       ด้าน นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า เรื่องนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้ร้องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินก่อนจะส่งมายัง ป.ป.ช. โดยมี นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน ซึ่งเป็นมีประเด็นอยู่นิดเดียวคือ การขายข้าวให้กับอินโดนีเซียในขณะนั้นเป็นการซื้อ - ขายข้าวในขณะที่ไม่มีข้าวอยู่ในท้องตลาด แล้วข้าวที่เอาไปขายมาจากไหน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบพยานฝ่ายผู้ร้อง ดังนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จึงมาให้ถ้อยคำในฐานะผู้ร้องและในฐานะพยาน คดีนี้ ป.ป.ช. ยังไต่สวนต่อไปเรื่อยๆ เพราะจะต้องเรียกพยานมาให้ถ้อยคำ รวมทั้งต้องขอพยานหลักฐานและเอกสารต่อไปอีก อย่างไรก็ตาม คำร้องนี้ไม่ได้รวมกับกรณีที่มีการแจ้งข้อกล่าวหานายบุญทรงกับพวก กรณีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีนแต่อย่างใด เป็นคนละคดีกัน เพราะคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงท้ายของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อเนื่องช่วงต้นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วเกี่ยวเนื่องไปถึงนายกิตติรัตน์
       
       ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง อสส.กับ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาสำนวนคดีรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ส่วนตัวเห็นว่า การตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อที่จะได้ไปพูดคุยกัน ซึ่งต้องให้คณะทำงานได้คุยกันก่อน ไม่ถือเป็นเรื่องประหลาด
       
       “ตอนแรกเห็นต่างกันสักพัก เดี๋ยวพอคุยกันก็เห็นตรงกันเอง ตอนนี้อาจยังเห็นรายละเอียดไม่เท่ากัน” รองนายกฯระบุ
       
       ส่วนการเตรียมแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ของรัฐบาลนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ได้มีการเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายต่อ สนช. แล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. จะเป็นผู้แถลงทั้งหมด ส่วนรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคนอื่นๆ ได้รวบรวมข้อมูลให้นายกฯ ซึ่งนายกฯ จะเป็นผู้แถลงนโยบายเอง ขอให้รอฟังนายกฯแถลงนโยบายต่อสนช.อย่างชัดเจนอีกครั้ง


ป.ป.ช. ฟันอดีตเลขาฯ "บุญทรง" ชี้สวมรอยทำ "จีทูจี" โกงข้าว-ไม่ได้ส่งออกนอก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหาอดีตผู้ช่วยเลขานุการ "บุญทรง" เหตุสวมรอยระบายข้าวจีทูจี แฉมหากาพย์นัดบริษัทค้าข้าวมาคุย บอกจะหนุนขายข้าว แต่ต้องสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คในนามบริษัท "ไห่หนาน-กวางตุ้ง" ก่อนมอบให้เลขาฯ ซึ่งข้าวที่ทำสัญญาซื้อขายก็ต่ำกว่าราคาขายในประเทศ แต่ถูกบีบบังคับ ก่อนขนข้าวจากคลังสินค้ากลาง แต่ไม่มีการขนออกไปนอกราชอาณาจักร
       
       วันนี้ (5 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. พร้อมด้วยนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการไต่สวนคดีทุจริตซื้อขายข้าวแบบจีทูจีของนาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ขณะนี้ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่ พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการนายบุญทรง ซึ่งเป็นผู้กุมความลับกระบวนการจำนำข้าวไว้ทั้งหมด ขณะเดียวกัน ป.ป.ช. ได้กันบุคคลจำนวนหนึ่งไว้เป็นพยาน โดยจะไม่ดำเนินการเอาผิด เนื่องจากให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดี ป.ป.ช. จะใช้พยานส่วนนี้เป็นข้อมูลเชื่อมโยงไปเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐรายอื่นต่อไป
       
       ทั้งนี้ ในการไต่สวนคดีจำนำข้าวของนายบุญทรงนั้น ป.ป.ช. ได้รับความร่วมมือจากบริษัทค้าข้าวนับร้อยบริษัทที่ให้ข้อมูลที่เป็น ประโยชน์ จนได้หลักฐานชัดเจนว่า การทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีกับรัฐบาลจีนนั้น ไม่มีการขายข้าวจริง จากการไต่สวนพบว่า พ.ต.วีระวุฒิได้นัดหมายบริษัทค้าข้าวมาคุย โดยบอกว่า จะช่วยสนับสนุนการขายข้าว แต่ขอให้ผู้ประกอบการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คการซื้อขายข้าวให้กรมการค้าต่าง ประเทศในนามของบริษัท ไห่หนาน จำกัด และบริษัท กวางตุ้ง จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน
       
       จากนั้นให้นำแคชเชียร์เช็คไปมอบให้เลขานุการ รมว.พาณิชย์ หรือนายวิมล รักดี หรือนายโจ และลูกน้องของนายโจ คือ พ.ต.ต.ศราวุฒิ สกลมีฤทธิ์ หรือสารวัตรเหยิน อดีตผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ซึ่งข้าวที่ทำสัญญาซื้อขายกับบริษัท ไห่นาน และบริษัท กวางตุ้ง ก็เป็นการขายในราคาต่ำกว่าราคาที่ขายในประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการค้าก็มีความจำเป็นเพราะถูกบีบบังคับ ต้องยินยอมเซ็นเช็คสั่งจ่าย หรือมอบให้นายโจซึ่งเชื่อมโยงกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เพราะนายโจและ พ.ต.ต.ศราวุฒิ เป็นลูกน้องบริษัท สยามอินดิก้าฯ
       
       โดยบริษัทค้าข้าวไทยต้องยินยอมสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คในนามของบริษัท ทั้งสองแห่ง เพื่อนำไปมอบให้กรมการค้าต่างประเทศ เมื่อกรมการค้าต่างประเทศได้รับเช็คในนามของบริษัททั้งสองแห่งแล้ว อคส. และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) จะเอาหลักฐานดังกล่าวไปใช้ขนข้าวจากคลังสินค้ากลาง ดังนั้นข้าวที่รัฐบาลไทยขายให้บริษัททั้งสองแห่ง จึงไม่มีการขนออกไปนอกราชอาณาจักรแต่อย่างใด แต่เป็นการสวมรอยว่ามีการซื้อขายแบบจีทูจีโดยแท้จริง ซึ่ง ป.ป.ช. มีหลักฐานชัดเจน คาดว่าจะสรุปผลได้เสร็จก่อนเดือน ก.ย. นี้ ซึ่งอัยการคงไม่ได้แค่ตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่จะมีติดตามมาเป็นขบวนใหญ่ในอนาคต เพราะเรื่องนี้เป็นมหากาพย์


ป.ป.ช.ฟันอดีตเลขาฯรมว-พาณิชย์รับเช็คจีทูจีเทียม

จาก โพสต์ทูเดย์

ป.ป.ช.แจ้งข้อหาอดีตเลขาฯรมว.พาณิชย์ เป็นตัวการรับเช็คจีทูจีเทียม ตั้งคณะทำงานร่วมสรุปคดียิ่งลักษณ์

เมื่อวันที่5ก.ย.57 นายประสาท พงษ์สิวาภัย กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุมป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตผู้ช่วยเลขานุการรมว.พาณิชย์ (นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์) และ อดีตเลขานุการรมว.พาณิชย์ (นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์) พร้อมกับมีมติกันบุคคลที่ถูกกล่าวหาจำนวนหนึ่งไว้เป็นพยาน เนื่องจากให้ความร่วมมือให้รายละเอียดเกี่ยวกับกับข้อมูลและหลักฐานเชื่อมโยงเอาผิดแก่ตัวการสำคัญในคดีนี้

นายวิชา มหาคุณ โฆษกคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงรายละเอียดในกรณีนี้ว่า ป.ป.ช.ได้ข้อมูลว่าในการขายข้าวที่มีการลงนามให้กับบริษัทรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในกวางตุ้งและไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ปรากฏว่าไม่มีการซื้อขายข้าวเพื่อทำการส่งออกอย่างแท้จริง เพราะเมื่อได้มีการลงนามขายข้าวให้กับรัฐวิสาหกิจแห่งนี้แล้วพบว่าได้มีการนัดหมายผู้ประกอบการค้าข้าวไปพบที่สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เพื่อพูดคุยที่จะขอซื้อข้าวจากรัฐบาลกับกลุ่มพ่อค้าข้าว โดยผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเลขานุการรัฐมนตรีรายนี้ได้แจ้งแก่ผู้ประกอบการค้าข้าวจะสนับสนุนการขายข้าว โดยให้ผู้ประกอบการจ่ายแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศและให้นำแคชเชียร์ไปมอบให้กับเลขานุการรัฐมนตรี หรือ นายโจ หรือ นายนิมนต์ รักดี หรือ พ.ต.ต.ศราวุฒิ สกุลมีฤทธิ์ หรือที่เรียกว่าสารวัตรเหยิน อดีตผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ซึ่งทั้งหมดเชื่อมโยงกับบริษัทสยามอินดิก้า

นายวิชา กล่าวว่า เมื่อกรมการค้าต่างประเทศได้รับค่าชำระค่าซื้อข้าวในนามของกวางตุ้งและไห่หนานแล้วทางองค์การคลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)ก็เอาหลักฐานนี้ไปให้กับนายสมคิด เอื้อนสุภา นายรัฐนิธ โสจิระกุล และนายลิตร พอใจ ผู้รับมอบอำนาจในการขนข้าว เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขนข้าวจากคลังสินค้ากลาง ดังนั้น ข้าวที่รัฐบาลไทยได้ขายให้กับกวางตุ้งที่มีระยะเวลามอบสิ้นสุดวันที่ 22 ก.พ.2556 และขายข้าวให้กับไห่หนานที่มีระยะเวลาสิ้นสุดวันที่ 21 ก.ย.2555 จึงไม่ปรากฏว่ามีการขนออกไปนอกราชอาณาจักรแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นจึงเป็นการสวมรอยเพื่อที่จะทำว่าการเป็นขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยแท้จริง ซึ่งป.ป.ช.เตรียมสรุปคดีในเร็วๆนี้ประมาณเดือนก.ย.หรือต.ค.

“ดังนั้น คดีจำนำข้าวท่านอัยการจะไม่ได้แต่เพียงคุณยิ่งลักษณ์เท่านั้น แต่จะมีติดตามมาเป็นขบวนใหญ่ในภายภาคหน้า เพราะเรื่องนี้เป็นมหากาพย์ เราพอใจในพยานหลักฐานอันนี้เป็นอย่างมาก เราสอบแล้วเราได้ความมั่นใจว่าจะแจ้งแก่ประชาชนชาวไทยได้ว่าไม่มีหลักฐานเลื่อนลอย เราจับคดีทุจริตโดยไม่มีการกลั่นแกล้งใครเด็ดขาด” นายวิชา กล่าว

นายวิชา กล่าวว่า ส่วนตัวมีความเห็นใจกับอัยการสูงสุดเพราะสถานะของท่านง่อนแง่นเป็นอย่างมาก เราเห็นได้เลยจากอัยการสูงสุดคนที่แล้วถูกปลดกลางอากาศจากโทรทัศน์ เราในฐานะกระบวนการยุติธรรมได้แต่แสดงมุทิตาจิต อย่างไรก็ตาม กรณีที่อัยการสูงสุดมีความเห็นยังไม่สั่งฟ้องในคดีทุจริตจำนำข้าวในส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทางป.ป.ช.ก็พร้อมตั้งคณะทำงานร่วมกันกับอัยการสูงสุด แต่สำหรับเรื่องการรวบรวมงานวิจัยโครงการนโยบายข้าวของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอารไอ) ที่อัยการสูงสุดระบุว่าไม่ได้รับครบถ้วนนั้นขอชี้แจงว่างานวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงการยกตัวอย่างว่ามีช่องทางการทุจริตในโครงการอย่างไรบ้าง ไม่ได้หยิบยกรายงานวิจัยดังกล่าวมาเป็นเอกสารหลักฐานในการชี้มูลความผิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ เนื่องจากป.ป.ช.จะพิจารณาจากการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ได้จากการไต่สวนข้อเท็จจริง

“ตอนนี้พูดตรงๆว่าเราสวดมนต์ทุกวันให้ท่านอัยการสูงสุดอยู่รอดปลอดภัย เอาเป็นว่าถ้าเราสามารถดำเนินการตกลงกันได้ เราอยากให้ท่านเป็นผู้ฟ้อง แต่ถ้าท่านไม่ไหวจริงๆเราก็ต้องดำเนินการเอง เพราะว่ากฎหมายได้เขียนเอาไว้ชัดเจน แต่เท่าที่ดูที่ท่านแถลงก็คล้ายๆกับว่าท่านถอดใจไปแล้ว แต่ผมก็คิดว่าท่านเป็นรุ่นน้องที่ผมเชื่อถือคงจะไม่ยอมถอดใจง่ายๆ” นายวิชา กล่าว

เมื่อถามว่าหลักฐานที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวถือเป็นหลักฐานใหม่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า คือหลักฐานเดิมแต่ป.ป.ช.มีหลักฐานที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเช็คที่เป็นการจ่ายเงินจำนวนพันล้านบาท


“วรงค์” จี้ อสส.แจงให้ชัด อ้างรายงานมีแค่ปก เหตุไม่ฟ้อง “ปู” ปล่อยโกงข้าว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

มือปราบโกงจำนำข้าว แนะ อสส.อ่านหนังสือโกงจำนำข้าว รวมถึง ปชช. เพื่อประมวล อสส.ไม่สั่งฟ้อง “ปู” ปล่อยโกงข้าว ค้านสายตาหรือไม่ หลังอ้างหลักฐานไม่พอ รายงานวิจัยมีแค่ปก ทั้งที่ ป.ป.ช.ยันหลักฐานรอบคอบ แสดงว่าเอกสารหาย จี้แถลงให้ชัด
        วันนี้ (5 ก.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ถึงกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) แถลงมีมติสั่งไม่ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีที่ปล่อยปละละเลยทุจริตโครงการรับจำนำข้าวต่อศาลฎีกาคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง โดยต้องมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่าง ป.ป.ช.และอสส.ว่า อัยการสูงสุดยังไม่สั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์เรื่องปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายและเกิดการทุจริต โครงการจำนำข้าว เหตุผลหนึ่งที่ อสส.อ้างคือหลักฐานไม่ชัดเจน การทุจริตเกิดขั้นตอนใด อย่างไร ตนแนะนำให้อ่าน “มหากาพย์โกงข้าว” เผื่อจะได้เข้าใจเรื่องข้าวเชิงระบบมากขึ้น ที่สำคัญอยากเชิญชวนทุกท่านได้อ่านหนังสือนี้จะได้ประมวลดูว่าการตัดสินของ อสส.ค้านสายตาประชาชนหรือไม่ เพราะตามที่อัยการสูงสุดแถลงพาดพิงเรื่องรายงายการวิจัยของทีดีอาร์ไอ และมีการอ้างว่ารายงานดังกล่าวมีเพียงหน้าปกรายงายการวิจัยเท่านั้น ล่าสุดตนเห็นข่าวประธาน ป.ป.ช.แถลงยืนยันหลักฐานคดีจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่ารอบคอบแสดงว่าเอกสารรายงายการวิจัยต้องมีการหายเกิดขึ้น ตามที่อัยการสูงสุดแถลงพาดพิงว่ารายงานการวิจัยของทีดีอาร์ไอ มีเพียงหน้าปกรายงายการวิจัยเท่านั้น
       
       “ประเด็นนี้เป็นสาระสำคัญในการแถลงข้อที่ 3 ของอัยการสูงสุด ผมคิดว่าทางอัยการสูงสุดต้องออกมาแถลงให้ชัดเจนครับว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจึงมีแต่ปกรายงาน” นพ.วรงค์กล่าว


ปปช.ย้ำ'ยิ่งลักษณ์'ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

"ป.ป.ช."ย้ำ"ยิ่งลักษณ์"ละเว้นปฏิบัติหน้าที่จนทำจำนำข้าวเสียหาย ยันไม่เสียหน้าหลังอสส.สั่งตั้งคณะทำงาน

ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีอัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอสส.กับป.ป.ช.เพื่อพิจารณาหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า เมื่ออสส.เห็นว่า สำนวนยังไม่สมบูรณ์จึงมีหนังสือแจ้งมายังป.ป.ช.ตามกฎหมาย หากอสส.เห็นว่า สำนวนยังมีข้อไม่สมบูรณ์อยู่ตามที่แถลงมา 3 ประเด็นก็ไม่เป็นอะไร

จากนี้จะต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์นั้น คาดว่า ในวันเดียวกันนี้ (5 ก.ย.) หนังสือจากอสส.จะส่งถึงมือป.ป.ช. และจะมีการนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ในวันที่ 9 ก.ย. เพื่อพิจารณาว่า มีข้อไม่สมบูรณ์ใดบ้าง ตรงตาม 3 ประเด็นที่อสส.ระบุหรือไม่ แล้วดำเนินการตั้งคณะทำงานร่วม โดยป.ป.ช.จะดูว่าอสส.เสนอมากี่คน เป็นใครและระดับใดบ้าง เพราะต้องตั้งให้มีจำนวนเท่ากันและระดับเดียวกัน มีองค์ประกอบใกล้เคียงกันเพื่อให้คณะทำงานร่วมได้ทำงานร่วมกันและดำเนินการส่งฟ้องต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในอดีตมีการตั้งคณะทำงานร่วมอยู่หลายคดีเพื่อทำสำนวนให้สมบูรณ์ที่สุด แต่ในการพิจารณาร่วมกันนั้นหากตกลงกันไม่ได้สำนวนจะถูกส่งกลับมาที่ป.ป.ช.อีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ดำเนินการส่งฟ้องเอง แต่หากตกลงกันได้เรียบร้อยอสส.จะเป็นผู้ส่งฟ้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า อสส.ระบุว่า ป.ป.ช.ส่งหลักฐานในคดีดังกล่าวไม่หนาแน่น นายปานเทพ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าหลักฐานมีเป็นจำนวนมาก แต่จะไม่หนาแน่นได้อย่างไร อาจจะมีรายละเอียดเยอะ ยังดูไม่ทุกส่วน แต่อย่างไรก็ตาม จากนี้จะเป็นหน้าที่ของคณะทำงานร่วมที่จะต้องไปพิจารณาว่า หลักฐานตรงไหนไม่สมบูรณ์และไม่เพียงพอ ต้องช่วยกันดูไป ส่วนกรณีอสส.ระบุให้ป.ป.ช.กลับมาไต่สวนให้สิ้นกระแสความเสียก่อนนั้น ป.ป.ช.ทำเพียงเท่านั้นและเลยระยะเวลาดังกล่าวมาแล้ว จากนี้เป็นหน้าที่ของคณะทำงานร่วมที่จะไปดูว่า ในสำนวนมีจุดที่ยังไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเรียกพยานเพิ่มได้

เมื่อถามว่า ป.ป.ช.ทำคดีดังกล่าวโดยเร่งรัดเกินไปหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ไม่ได้เร่งรัด แต่ทำงานตามกรอบระยะเวลา และทำสำนวนอย่างสมบูรณ์แน่นหนา ส่วนกรณีอสส.ระบุว่าป.ป.ช.ยึดถืองานวิจัยของทีดีอาร์ไออย่างเดียวนั้นคงไม่ใช่ แต่เป็นเพียงหลักฐานส่วนหนึ่งด้านวิชาการเท่านั้น ทั้งที่หลักฐานอื่นๆ มีอีกมากมาย

“ป.ป.ช.ไม่ระบุให้เรื่องการทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ แต่เราบอกว่า ละเว้นที่ไม่ดำเนินการระงับยับยั้งจนก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ ผมคิดว่า ระยะเวลาการทำงานของคณะทำงานร่วมคงไม่ใช้เวลายาวนานมากนัก เพราะคดีนี้ป.ป.ช.ติดตามอยู่อย่างเคร่งครัด เมื่อมีการตั้งคณะทำงานร่วมเสร็จแล้วจะต้องรีบเรียกประชุมทันที ต้องทำอย่างรวดเร็ว”

เมื่อถามว่า ป.ป.ช.รู้สึกเสียหน้าหรือไม่ หลังจาก อสส.ยังไม่สั่งฟ้อง นายปานเทพ กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าอะไร


'วรงค์'จี้อสส.แจงจำนำข้าวทีดีอาร์ไอ

"นพ.วรงค์"จี้อัยการสูงสุด แจงรายงานจำนำข้าวของทีดีอาร์ไอที่อ้างมีแต่หน้าปก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ค'Warong Dechgitvigrom'ถึงกรณีที่อัยการสูงสุด(อสส.)แถลงมีมติยังไม่สั่งฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปล่อยปละละเลยทุจริตโครงการรับจำนำข้าวต่อศาลฎีกาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยต้องมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างป.ป.ช.และอสส.ว่า

"อัยการสูงสุดยังไม่สั่งฟ้องคุณยิ่งลักษณ์เรื่องปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายและเกิดการทุจริตโครงการจำนำข้าว เหตุผลหนึ่งที่อสส.อ้างคือหลักฐานไม่ชัดเจน การทุจริตเกิดขั้นตอนใด อย่างไร ผมแนะนำให้ท่านอ่าน "มหากาพย์โกงข้าว"ครับ เผื่อจะได้เข้าใจเรื่องข้าวเชิงระบบมากขึ้น ที่สำคัญอยากเชิญชวนทุกท่านได้อ่านหนังสือนี้ครับ จะได้ประมวลดูว่าการตัดสินของอสส.ค้านสายตาประชาชนหรือไม่

เพราะตามที่อัยการสูงสุดแถลงพาดพิงเรื่องรายงายการวิจัยของทีดีอาร์ไอและมีการอ้างว่ารายงานดังกล่าวมีเพียงหน้าปกรายงายการวิจัยเท่านั้น ล่าสุดผมเห็นข่าวประธาน ป.ป.ช.แถลงยืนยันหลักฐานคดีจำนำข้าวคุณยิ่งลักษณ์ว่ารอบคอบ....แสดงว่าเอกสารรายงานการวิจัย ต้องมีการหายเกิดขึ้น ตามที่อัยการสูงสุดแถลงพาดพิงว่ารายงานการวิจัยของทีดีอาร์ไอ มีเพียงหน้าปกรายงายการวิจัยเท่านั้น และประเด็นนี้เป็นสาระสำคัญในการแถลงข้อที่ 3 ของอัยการสูงสุด...ผมคิดว่าทางอัยการสูงสุดต้องออกมาแถลงให้ชัดเจนครับ เกิดอะไรขึ้น ทำไมจึงมีแต่ปกรายงาน"


'หม่อยอุ๋ย'ให้ถ้อยคำป.ป.ช.คดีข้าว

"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร" ให้ถ้อยคำ ป.ป.ช. คดีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ขายข้าวให้อินโดนีเซีย เอื้อประโยชน์อินดิก้า

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณียื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบการระงับการซื้อข้าวโครงการประกันราคาข้าว สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้กับรัฐบาลอินโดนีเซีย แต่กลับขายข้าวในโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำนวนกว่า 3 แสนตัน ให้บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด เป็นผู้ส่งมอบเพียงรายเดียวในราคาต่ำเช่นกัน และคุณภาพข้าวก็ต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้องค์กรสำรองข้าวอินโดนีเซีย (บูล็อกซ์) ไม่รับซื้อข้าวจากไทยจนถึงปัจจุบัน ซึ่งขณะนั้น นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อเนื่องจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และมีการส่งคำร้องต่อมายัง ป.ป.ช.

โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า มาให้ถ้อยคำในฐานะผู้ร้อง แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ ส่วนการแถลงนโยบายของรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ในตอนนี้ ต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้แถลงนโยบายก่อน

ขณะที่ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คดีนี้อยู่ระหว่างการสอบพยานฝ่ายผู้ร้องและบุคคลที่เกี่ยวข้อง และคดีนี้จะแยกสำนวนคดีออกจากคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว โดยมี นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน


ยันตั้งคณะทำงานคดีจำนำข้าวจะได้ข้อสรุปชัด

โฆษกอัยการยันตั้งคณะทำงานร่วมจำนำข้าวทำให้ได้ข้อสรุปชัดเจนกว่าเดิม

นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่ป.ป.ช.ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ไม่ใช่เป็นการทุจริตว่า เป็นสิทธิการแสดงความเห็นตามหลักกฎหมายของป.ป.ช.ซึ่งสรุปสำนวนการสอบสวนว่ามีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บริหารประเทศ เมื่อรู้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ย่อมจะต้องดำเนินการป้องกันเพื่อ ไม่ให้เกิดการทุจริตอีก ทั้งนี้สำนวนการสอบสวนยังมีข้อไม่สมบูรณ์(พยานหลักฐานไม่เพียงพอ)เกี่ยวกับการทุจริต จึงต้องมีการตั้งผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายทั้งฝ่ายคณะทำงานอัยการและฝ่ายป.ป.ช.ฝ่ายละ 10 คนขึ้นมา ภายใน 14 วัน หลังจากนั้นก็จะเริ่มพิจารณา เพื่อร่วมกันหาพยานหลักฐาน และแนวทางการพิจารณาก็น่าจะได้ข้อสรุปที่สมบูรณ์มากขึ้นกว่าเดิม


ปปช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหาเลขาฯ'บุญทรง'

วิชา"แจ้งข้อกล่าวหาเลขาฯ"บุญทรง"แฉมีหลักฐานมัดแน่นทำจีทูจีเก๊

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. แถลงความคืบหน้าการไต่สวนคดีทุจริตซื้อขายข้าวแบบจีทูจีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ว่า ขณะนี้ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้กุมความลับกระบวนการจำนำข้าวไว้ทั้งหมด ขณะเดียว กันป.ป.ช.ได้กันบุคคลจำนวนหนึ่งไว้เป็นพยาน โดยจะไม่ดำเนินการเอาผิด เนื่องจากให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดี ป.ป.ช.จะใช้พยานส่วนนี้เป็นข้อมูลเชื่อมโยงไปเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐรายอื่นต่อไป ทั้งนี้ในการไต่สวนคดีจำนำข้าวของนายบุญทรงนั้น ป.ป.ช.ได้รับความร่วมมือจากบริษัท ค้าข้าวนับร้อยบริษัทที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จนได้หลักฐานชัดเจนว่า การทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีกับรัฐบาลจีนนั้น ไม่มีการขายข้าวจริง

นายวิชา กล่าวอีกว่า จากการไต่สวนพบว่า พ.ต.วีระวุฒิได้นัดหมายบริษัทค้าข้าวมาคุย โดยบอกว่า จะช่วยสนับสนุนการขายข้าว แต่ขอให้ผู้ประกอบการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คการซื้อขายข้าวให้กรมการค้าต่างประเทศในนามของบริษัท ไห่หนาน จำกัด และบริษัท กวางตุ้ง จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน จากนั้นให้นำแคชเชียร์เช็คไปมอบให้เลขานุการรมว.พาณิชย์ หรือนายวิมล รักดี หรือพ.ต.ต.ศราวุฒิ สกลมีฤทธิ์ อดีตผอ.คลังสินค้า ซึ่งข้าวที่ทำสัญญาซื้อขายกับบริษัท ไห่นาน และบริษัท กวางตุ้ง ก็เป็นการขายในราคาต่ำกว่าราคาที่ขายในประเทศ

โดยบริษัทค้าข้าวไทยต้องยินยอมสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คในนามของบริษัททั้งสองแห่ง เพื่อนำไปมอบให้กรมการค้าต่างประเทศ เมื่อกรมการค้าต่างประเทศได้รับเช็คในนามของบริษัททั้งสองแห่งแล้ว อคส,และอตก.จะเอาหลักฐานดังกล่าวไปใช้ขนข้าวจากคลังสินค้ากลาง ดังนั้นข้าวที่รัฐบาลไทยขายให้บริษัททั้งสองแห่ง จึงไม่มีการขนออกไปนอกราชอาณาจักรแต่อย่างใด แต่เป็นการสวมรอยว่ามีการซื้อขายแบบจีทูจีโดยแท้จริง ซึ่งป.ป.ช.มีหลักฐานชัดเจน คาดว่าจะสรุปผลได้เสร็จก่อนเดือนก.ย.นี้ ซึ่งอัยการคงไม่ได้แค่ตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่จะมีติดตามมาเป็นขบวนใหญ่ในอนาคต เพราะเรื่องนี้เป็นมหากาพย์


อัยการยันคดีจำนำข้าวตั้งคกก.จะชัดเจนขึ้น

"วันชัย"โฆษกอัยการสูงสุด ยันตั้งคณะทำงานร่วมจำนำข้าว ทำให้ได้ข้อสรุปชัดเจนกว่าเดิม

นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ไม่ใช่เป็นการทุจริตว่า เป็นสิทธิการแสดงความเห็นตามหลักกฎหมายของป.ป.ช.ซึ่งสรุปสำนวนการสอบสวนว่ามีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บริหารประเทศ เมื่อรู้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ย่อมจะต้องดำเนินการป้องกันเพื่อ ไม่ให้เกิดการทุจริตอีก ทั้งนี้สำนวนการสอบสวนยังมีข้อไม่สมบูรณ์(พยานหลักฐานไม่เพียงพอ)เกี่ยวกับการทุจริต จึงต้องมีการตั้งผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายทั้งฝ่ายคณะทำงานอัยการและฝ่ายป.ป.ช.ฝ่ายละ 10 คนขึ้นมา ภายใน 14 วัน หลังจากนั้นก็จะเริ่มพิจารณา เพื่อร่วมกันหาพยานหลักฐาน และแนวทางการพิจารณาก็น่าจะได้ข้อสรุปที่สมบูรณ์มากขึ้นกว่าเดิม


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : วิชา เห็นใจ อสส. ง่อนแง่น หลักฐาน ปู โกงข้าว มีครบ ลั่นถ้าไม่ไหว ฟ้องเอง

view