จากประชาชาติธุรกิจ

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.53 นางอรวรรณ ชัยสถาพร กรรมการผู้จัดการ   บริษัท นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2553 ตลาดหลักทรัพย์ให้บริษัทฯชี้แจงเพิ่มเติมกรณี นายวิชัย ชัยสถาพร ผู้ถือหุ้นใหญ่และอดีตกรรมการของบริษัท นำเงินของบริษัทออกไปเพิ่มเติมอีก จำนวน 37.74 ล้านบาท ทางบริษัทขอชี้แจงเพิ่มเติมดังต่อไปนี้  

1. กรณีนายวิชัยนำเงินบริษัทออกไปเพิ่มเติมอีกจำนวน 37.74 ล้านบาท
                         
ตามที่ที่ประชุมคณะ กรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2553 แจ้งข้อมูลกรณีนายวิชัย นำเงินบริษัทออกไปจำนวน 153.84 ล้านบาท ต่อมาภายหลังบริษัทพบว่าในช่วงเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2553 นายวิชัยมีการนำเงินบริษัทออกไปเพิ่มเติมอีกจำนวน 37.74 ล้านบาท โดยระบุว่ายอดเงินดังกล่าวเป็นยอดต่อเนื่องจากยอดเดิมที่เคยนำออกไปก่อนหน้า นี้ ตลาดหลักทรัพย์จึงให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
                          1.1 สาเหตุที่นายวิชัยจึงยังสามารถนำเงินของบริษัทออกไปได้อีก ทั้ง ๆ ที่คณะกรรมการบริษัทได้เคยแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าได้กำหนดมาตรการควบคุม ภายในในเรื่องดังกล่าวแล้ว รวมทั้งให้เปิดเผยลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและการตรวจพบรายการดังกล่าวโดย สังเขป
                                  
- ทางบริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า กรณีที่นายวิชัยนำเงินบริษัทออกไปเพิ่มเติมจำนวน 37.74 ล้านบาท นั้น เป็นรายการต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างเดือน มกราคม - มีนาคม 2553 และในช่วงดังกล่าวยังไม่ได้มีการสอบทานยอดเนื่องจากอำนาจการดูแลเรื่องการลง ทุนในหลักทรัพย์ยังอยู่ในความดูแลของอดีตผู้บริหารของบริษัท คือ นายวิชัย ทั้งนี้หลังจากการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2553 ได้มีมติเรื่องการเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการชุดใหม่บริษัทฯ จึงได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2553 และได้มีการประชุมแจ้งให้คณะกรรมการบริษัทฯ ทราบไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 พร้อมทั้งแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรับทราบแล้วเช่นกัน
                                  
- หลังจากการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการผู้มีอำนาจใหม่แล้ว ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบและวางระบบการควบคุมภายในของบริษัทเพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรอบคอบและรัดกุมสำหรับการทำงานในอนาคต ซึ่งบริษัทได้ทำเอกสารชี้แจงต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ ถึงการตรวจสอบและควบคุมภายในเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2553 และเพื่อความถูกต้องของข้อมูลคณะกรรมการของบริษัทฯจึงได้สั่งการและเร่งรัด ให้มีการตรวจสอบเอกสารและสอบทานยอดรายการที่มีการนำเงินไปซื้อหน่วยลงทุน ย้อนหลังตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2553 และสอบทานยอดรายการคงเหลือตามหนังสือแจ้งยอดหน่วยลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ ทุกแห่ง รวมถึงขอรายการยืนยันยอดจากบริษัทหลักทรัพย์ที่บริษัทถือหน่วยลงทุนอยู่ ซึ่งหลังจากการตรวจสอบบริษัทฯ พบว่า รายการเงินลงทุนตามข้อมูลที่ได้มีการบันทึกบัญชีไว้ในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2553 ไม่ถูกต้อง เนื่องจากพบยอดที่แตกต่างไป เป็นจำนวนเงิน 37.74 ล้านบาทซึ่งสันนิษฐานว่ากรรมการท่านเดิมได้มีการนำเงินออกไปเพิ่มเติมในช่วง เดือนมกราคม-มีนาคม 2553   ประกอบกับการสอบถามจากนายวิชัย ซึ่งยอมรับว่าได้นำเงินดังกล่าวไปจริง บริษัทฯ จึงได้รายงานข้อมูลดังกล่าวไปยังตลาดหลักทรัพย์และ กลต.ให้ทราบข้อมูลเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2553 ส่วนรายการตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 บริษัทฯได้ทำการสอบทานแล้ว ไม่พบยอดความผิดปกติ หรือรายการอื่นใดเพิ่มเติม ขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้จัดหาผู้สอบบัญชีในการตรวจสอบกรณีพิเศษ (Special Audit) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือ บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย ที่ปรึกษาธุรกิจ จำกัด ดังนั้นเพื่อความถูกต้องและชัดเจนของตัวเลขทางบัญชี บริษัทฯ ได้ประสานงานให้สำนักงานบัญชีดังกล่าวได้ทำการตรวจสอบกรณีพิเศษให้ครอบคลุม ถึงเดือนมิถุนายน 2553 ไปในคราวเดียวกันด้วย
                           1.2 นอกเหนือจากจำนวนเงินดังกล่าวข้างต้นแล้ว บริษัทตรวจพบยอดเงินเพิ่มเติมที่นายวิชัยได้นำไปและ/หรือรายการอื่นใดอีก หรือไม่
                                 
- บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า นอกเหนือจากยอดเงินดังกล่าว บริษัทฯได้ทำการสอบทานแล้วไม่พบยอดความผิดปกติหรือรายการอื่นใดเพิ่มเติม
                         1.3 เนื่องจากปัจจุบันนายวิชัยเป็นหนี้บริษัทรวมเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งสิ้น 194.25 ล้านบาท แต่มูลค่าของหลักประกันและเงินปันผลที่จะนำมาชำระหนี้เพียง 171.89 ล้านบาท ดังนั้นยังมีหนี้ที่หลักประกันยังไม่ครอบคลุมอีก 22.36 ล้านบาท ตลาดหลักทรัพย์จึงให้บริษัทชี้แจงความคืบหน้าในการเร่งรัดให้นายวิชัยชำระ หนี้ต่อบริษัทและนำทรัพย์สินที่จะนำมาวางเป็นหลักประกัน มูลค่าของหลักประกัน
               
กรอบ ระยะเวลาดำเนินการ
                                 
- จากการที่นายวิชัยเป็นหนี้บริษัทรวมเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งสิ้น 194.25 ล้านบาท แต่มูลค่าของหลักประกันและเงินปันผลที่จะนำมาชำระหนี้มีเพียง 171.89 ล้านบาท ดังนั้นยังมีหนี้ที่หลักประกันยังไม่ครอบคลุมอีก 22.36 ล้านบาท บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทฯ ได้ติดตามและเร่งรัดให้นายวิชัยดำเนินการชำระหนี้ที่ค้างโดยเร็วที่สุด และได้แจ้งให้นำหลักทรัพย์มาวางเป็นหลักประกันเพิ่มเติม ซึ่งนายวิชัยแจ้งว่าจะจัดหาหลักประกันให้บริษัทเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุม หนี้ทั้งหมด ภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2553 หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทฯ จะดำเนินการให้ที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทฯ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป