สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กกร.แฉ ใต้โต๊ะหนักข้อ ฟาดกันถึง30% จี้รัฐบาลเร่งแก้คอร์รัปชั่น ก่อนแข่งสู้ปท.อื่นไม่ได้

จากประชาชาติธุรกิจ

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)เห็นพ้องหนุนแผนปฏิรูปประเทศไทย 4 เรื่องหลัก ทั้งยุติความแตกแยก ลดความเหลื่อมล้ำ บูมท่องเที่ยว และเรื่องใหญ่แก้คอร์รัปชั่นหลังแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฟาดกันถึง30%แล้ว ชี้หากไม่เร่งแก้ จะไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ห้องประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้จัดงานสัมมนา "Thailand′s Investment Environment : Looking Forward" เพื่อหาทิศทาง กลยุทธ์ และแผนงานเพื่อแก้ไขอุปสรรคในการลงทุนของประเทศไทย เสนอต่อรัฐบาลประกอบการกำหนดนโยบายของประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนาประมาณ 200 คน  


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่ง ว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น รัฐบาลได้ใช้บทเรียนวิกฤตเศรษฐกิจครั้งที่ผ่านมา ปรับปรุงแก้ไข จึงทำให้ผ่านพ้นไปได้ ขณะนี้นับว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเข้มแข็งมากจากการส่งออกที่สูงถึงร้อยละ 32 การลงทุนขยายตัวร้อยละ 15.8 ถึงแม้ภาคการท่องเที่ยวจะชะลอตัวบ้าง โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตร้อยละ 5-6 ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มองว่าไทยเติบโตถึงร้อยละ 7 ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะมีศักยภาพพร้อม


  นายดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า กกร.ตกลงกันว่าจะช่วยผลักดันในการปฏิรูปประเทศไทยใน 4 เรื่องหลัก คือ การยุติความแตกแยกในสังคม,การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม,การส่งเสริมการท่อง เที่ยวในประเทศไทย และการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชั่น โดยมองว่าปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นจุดทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในสังคมและความเหลื่อมล้ำ ทุกฝ่ายจะต้องหันมาแก้ไขอย่างจริงจัง


  "ปัญหาการคอร์รัปชั่นในประเทศไทยถือเป็นเรื่องของผู้ให้และผู้รับ ในอดีตเราเคยได้ยินกันว่ามีการจ่ายกันเพียงประมาณ 2-3% ของมูลค่าโครงการ แต่ปัจจุบันเราเริ่มได้ยินว่าจำนวนเปอร์เซ็นต์มันมากขึ้นเรื่อยๆ เป็น 30% ซึ่งสอดคล้องกับที่สถาบันจัดอันดับของต่างประเทศ จัดให้ไทยมีลำดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องคอร์รัปชั่น และหากปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้ คงไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้"


นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การคอร์รัปชั่นส่วนใหญ่เกิดจากความไม่ชัดเจนของกฎระเบียบที่เกี่ยวกับการให้ ใบอนุญาต การประมูลงาน หรือการให้สัมปทานการอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ ทำให้ทั้งฝ่ายรัฐและเอกชนใช้เป็นช่องว่างเพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่ แข่ง โดยมองว่าการคอร์รัปชั่นในประเทศส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน และสิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญ คือ ค่านิยมของคนในสังคมมองว่าการคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดา ทำให้การแก้ไขปัญหายาก


  นายนันดอร์ แวน เดอ ลูร์ ประธานหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันในการต่อต้านการคอร์รัปชั่น การจะทำได้สำเร็จหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายจะต้องมีความจริงจังในการ ปราบปราม



เอกชนสุดทน ขรก.-นักการเมือง ขูดเงินใต้โต๊ะสุดโหด แฉพฤติกรรมสุดตะกละ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2553 15:42 น.

ปธ.หอการค้า ยอมรับ ปัญหาทุจริต-จ่ายเงินใต้โต๊ะ รุนแรงขึ้น จากเดิมเรียกแค่ 3% แต่เดี๋ยวนี้ โดนขูด 30% ผู้รับเหมาต้องยอมจ่ายเพื่อให้ได้งานประมูล ชี้ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสูงขึ้น ปชช.ต้องใช้สินค้าและบริการในราคาแพงขึ้น เตรียมส่งตัวแทนดูงานที่ฮ่องกง เพื่อเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหา ด้านบิ๊ก ส.อ.ท.แฉหมดเปลือก ถูกเรียกรับทั้ง ขรก.และนักการเมือง โดยออกกฎระเบียบเงื่อนไขที่เข้มงวด เพื่อให้วิ่งเต้นขอใบอนุญาต หรืออำนวยความสะดวกจากหน่วยงานภาครัฐ ส่วนอีกด้านเป็นการจ่ายเพื่อให้ได้ใบอนุญาต ยันสิ่งเหล่านี้ ต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยจะเริ่มจากภาคเอกชนด้วยกัน
       
       นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา “Thailand’s Investment Environment:Looking Forward” โดยระบุว่า ว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยมีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมได้ยินข่าวว่ามีการจ่ายใต้โต๊ะเพียงร้อยละ 3 ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เพิ่มเป็นร้อยละ 30 ทำให้มีปัญหาต่อต้นทุนดำเนินงาน ผู้ยอมจ่ายเงินต้องไปขายสินค้าราคาแพง กระทบต่อผู้ซื้อหรือคุณภาพของงาน ซึ่งรับเหมาจากผู้จ่ายใต้โต๊ะ หากปล่อยไว้ล่วงเลยไปถึงลูกหลานอาจต้องจ่ายถึงร้อยละ 50-80 ของมูลค่าโครงการก็เป็นได้
       
       นายดุสิต กล่าวว่า ในส่วนภาคเอกชนเตรียมร่วมมือกันแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันด้วยการส่งตัวแทนไป ดูงานของฮ่องกง เพื่อนำฮ่องกงโมเดลมาเป็นแบบอย่างในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะหลายสิบปีที่ผ่านมาได้ยินข่าวว่าฮ่องกงมีปัญหาเรื่องดังกล่าวมาก แต่สามารถแก้ไขจนทำให้ปัญหาคลี่คลายเป็นประเทศที่มีความโปร่งใส ดึงดูดนักลงทุนเข้าลงทุนจนเป็นที่ยอมรับ
       
       ดังนั้น ภาคเอกชนโดยเฉพาะหอการค้าไทยจะเริ่มใช้แนวทางการชื่นชมคนดี ไม่มีการวิ่งเต้น เพื่อเอาเปรียบคู่แข่งหวังได้งานโครงการรัฐ ซึ่งจะเริ่มต้นที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยอันดับแรก จากนั้นจะขยายแนวทางไปถึงการเริ่มตำหนิคนไม่ดี มักจ่ายเงินให้นักการเมือง เพื่อให้กลุ่มคนดังกล่าวเข้ามาอยู่ในกลุ่มแรกมากที่สุด
       
       ด้าน นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การทุจริตคอร์รัปชันปัจจุบันมีการจ่ายตั้งแต่ร้อยละ 10-30 ของมูลค่าโครงการ ซึ่งเป็นปัญหาหนักต่อภาคเอกชนและจะมีการทุจริต 2 เส้นทาง คือ การเรียกรับเงินจากข้าราชการและนักการเมือง จากการออกกฎระเบียบเงื่อนไขที่เข้มงวด จากนั้นจะมีการวิ่งเต้นเพื่อขอใบอนุญาต หรืออำนวยความสะดวกจากหน่วยงานภาครัฐ อีกด้านจะเป็นการจ่ายเงินเพื่อให้ได้ใบอนุญาต สิ่งเหล่านี้จะต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยจะเริ่มจากภาคเอกชนด้วยกัน
       
       ส่วนกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น นายพยุงศักดิ์ กล่าวว่า ต้องรอดูสถานการณ์จนถึงปลายปี เพราะธนาคารพาณิชย์คงจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงนี้ จึงไม่กระทบต่อต้นทุนผู้ประกอบการ แต่แนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นทำให้มีความเป็นห่วงผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะเศรษฐกิจกำลังเริ่มฟื้นตัว


สภาหอฯเล็งนำ'ฮ่องกงโมเดล'แก้คอร์รัปชั่น

Tags : กกร. ใต้โต๊ะ หนักข้อ ฟาดกัน รัฐบาล แก้คอร์รัปชั่น ก่อนแข่งสู้ 

view