จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ท่ามกลางที่รัฐบาลและกลุ่มคนการเมือง ยังควานหาทางออก "ปรองดอง" ของพรรคเพื่อไทยกับรัฐบาลยังหาทางลงไม่เจอ
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจสูงสุดอยากให้ "ปรองดอง" ไปล่วงหน้าก่อนที่ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.และ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ จากประชาธิปัตย์ จะออกมาด้วยซ้ำ จนทำให้ลิ่วล้อพรรคเพื่อไทยฉวยโอกาสทำแผนยื่นขอ "ปรองดอง" กับรัฐบาลอย่างที่เห็นๆ

เหตุผลสำคัญที่ต้องการ "ปรองดอง" เพื่อลดความขัดแย้งที่นับวันจะทวีรุนแรงขึ้น  ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายประเทศชาติทุกขณะ หากหันหน้าเข้ากันได้ อุณหภูมิความขัดแย้งน่าจะลดลง  บ้างก็บอกว่าน่าจะนำไปสู่ "รัฐบาลสมานฉันท์" ชั่วคราว  หากสำเร็จเท่ากับเป็นการเปิดพื้นที่เลือกตั้งให้กับทุกกลุ่ม ไม่จำกัด หรือขีดวงแบ่งภาคใครภาคมันอย่างที่เห็นๆ 

ยิ่งไปกว่านี้หากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เป็นจริงขึ้น แผน "ปรองดอง" น่าจะช่วยลดดีกรีร้อนแรงทางการเมืองลงได้ระดับหนึ่ง ลบข้อครหา "สองมาตรฐาน" แต่แผนที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจริงหรือไม่ ทั้งหมดอยู่ที่ความจริงใจของทั้งสองฝ่าย และการกระทำมากกว่ามาตอบโต้....แดกดันกันไปวันๆ  จริงๆ แล้วก่อนเริ่มต้นการ "ปรองดอง" ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านควรลดแรงสาดโคลนใส่กันและกันก่อน

เอาละ..."ปรองดอง" จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่...เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา เพราะมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ตราบใดที่ทั้งสองฝ่าย ยังไม่สามารถถอยหรือหันหน้าเข้าหากันได้จะยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่สักกี่สิบครั้งประเทศไทยหาความเจริญไปกว่านี้ได้ยาก
 
*****
แต่ที่น่าสงสารและเวทนายิ่งนักเวลานี้ เห็นทีจะเป็นเรื่อง การจัดกลุ่มแบ่งผลประโยชน์แบบอู้ฟู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำกันอย่างโจ๋งครึ่ม โดยไม่สนใจ เพียงแค่ยึดหลักพวกใครพวกมัน ทำได้หรือไม่ ผิดหรือถูกไม่สำคัญ ขออย่างเดียว "พวกกู" ต้องได้ จนได้ฉายาสนามบินสุวรรณภูมิยุคนี้ว่า "แดนสนธยา...ทุนการเมือง"   

ท่ามกลางที่การเมืองลุ่มๆ ดอนๆ มีการจัดวางกลุ่มโกงบ้าน...กินเมือง เข้าไปปักหลักสร้างอาณาจักรหากินในสนามบินสุวรรณภูมิ อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เลวร้ายกว่านั้นกลับมี ผู้บริหารบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. บางคน  ทำตัวเป็น "ล็อบบี้ยิสต์" เสียเอง อ้างสรรพคุณใกล้ชิดเจ้าพ่อโน่น...เจ้าพ่อนี่  ผุดบริษัทเข้ามารับงานประมูลแบบไม่ต้องสนใจว่าจะผิดหรือถูก

งานประมูลในสนามบินสุวรรณภูมิ มีการกล่าวพูดกันหนาหูมากวันนี้  ว่าระบบประมูลที่ถูกต้องตามระเบียบพัสดุการจัดซื้อจัดจ้าง ใช้ไม่ได้ผลเสียแล้ว แต่กลับมีการสร้างระบบใหม่ขึ้นมาประเภท บริษัทใคร บริษัทมัน เคาะราคาเท่าไหร่ไม่สำคัญ บริษัทก่อตั้งนานแค่ไหนไม่เกี่ยว หากเป็นบริษัทที่ "นาย" สั่งมาพร้อมสนอง

การประมูลงานในสนามบินสุวรรณภูมิ กำลังกลายเป็น "แดนสนธยา คอร์รัปชัน ชักหิวคิว 30-40%" กันสนั่นหวั่นไหว แอบอ้างอิทธิพลทางการเมือง เข้าไปยุ่งเกี่ยวจนทำให้ผู้บริหารที่ยังมีใจรักประเทศชาติ ไม่กล้าขัดขืน หรือขวางทางกับอิทธิพลแอบแฝง ทั้งๆ ที่บางโครงการบางงานรู้ดีว่า "ผิด" แต่จำใจต้องปฏิบัติ เพื่อความอยู่รอดในตำแหน่งไปวันๆ ดั่งจะเห็นได้งานประมูลโครงการต่างๆ เกือบทุกโครงการไม่มีเส้น ไม่มีสาย อย่าได้คิดเข้าไปแข่งขัน 

หากจะล้างพฤติกรรมอันชั่วร้ายในสนามบินสุวรรณภูมิ  งานนี้ โสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะผู้รับผิดชอบ น่าจะสละเวลาเข้าไปตรวจสอบฝูงแร้งในสนามบินสุวรรณภูมิแบบไม่เป็นทางการสักวัน มิฉะนั้นหากเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นหนีไม่พ้นที่ต้องร่วมรับผิดชอบ และอาจถูกข้อครหาเข้าข่าย สมคบ กับสิ่งที่เกิดขึ้นได้

งานประมูลสนามบินสุวรรณภูมิ ยังต้องใช้เงินงบประมาณอีกกว่าแสนล้านบาท ในการพัฒนาสนามบิน หาก นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังปล่อยปละละเลย ปิดหูปิดตา ให้กลุ่มอิทธิพลแอบอ้างเป็นตัวบงการ กุมผลประโยชน์เบ็ดเสร็จ มีหวังอันดับคอร์รัปชันเมืองไทย คงจะอยู่ในสภาพเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน