สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

จับสัญญาณปี 54 การส่งออก SMEs ไม่รื่น

จากประชาชาติธุรกิจ

จากรายงาน สถานการณ์ SMEs รายไตรมาส เรื่อง "การรายงานสถานการณ์ SMEs ไตรมาส 3/2553 และแนวโน้มปี 2554" จัดโดย สสว.ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (TNSC) ระบุว่า ด้านการ ส่งออกรวมทั้งประเทศ 9 เดือนแรกของปี มีมูลค่า 4,613,848.0 ล้านบาท ขยายตัว ร้อยละ 22.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การส่งออกของ SMEs คิดเป็นมูลค่า 1,312,805.0 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10.6 ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกไปในประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่นซึ่งมีการขยายตัวถึงร้อยละ 38.4 และ 19.2 ขณะที่สหรัฐอเมริกาหดตัวลงร้อยละ 1 อย่างไรก็ดีประเทศที่มีการขยายตัวสูงใน 9 เดือนแรกคือ ฟิลิปปินส์ ขยายตัวถึงร้อยละ 69.5 ซึ่งเป็นการขยายตัวในสินค้าธัญพืช น้ำตาลและของที่ทำจากน้ำตาล พลาสติกและของที่ทำจากพลาสติก

สินค้าหลักของ SMEs ที่มีการขยายตัว ได้แก่ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก ยางและของที่ทำด้วยยาง ขยายตัวถึงร้อยละ 47.5 และ 28.2 ตามลำดับ ส่วนอัญมณีและเครื่องประดับหดตัวลงร้อยละ 7.9

สำหรับ SMEs ในภาคการค้าและบริการในเดือนกันยายนส่วนดัชนีความเชื่อมั่นด้านการลงทุน พบว่าค่าดัชนีเพิ่มขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นด้านการจ้างงานลดลงเล็กน้อย แต่ค่าดัชนีทั้ง 2 ส่วนอยู่ในระดับเกินกว่าค่าฐาน คือ 100 แสดงว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและการจ้างงานอยู่ในระดับ ที่ดี ส่วนดัชนีชี้วัดสุขภาพทางการเงินของ SMEs พบว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นด้านเงินทุนหมุนเวียน ระยะเวลาเครดิตแก่ลูกค้า และระยะเวลาเครคิตจาก ผู้ค้าปรับตัวในทิศทางที่ลดลง แต่ในกลุ่มของภาคการค้าปลีกและภาคบริการนับว่าอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากค่าดัชนีส่วนใหญ่เกินกว่า 50 ทั้งปัจจุบันและคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ขณะที่ภาคการค้าส่งยังอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก เนื่องจากค่าดัชนีอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 เป็นส่วนใหญ่

"สสว.คาด การณ์ว่า ในปี 2553 GDP SMEs จะขยายตัวร้อยละ 6.5-6.7 เพิ่มขึ้นจากการหดตัวร้อยละ 2.4 ในปี 2552 ผลจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวทั้งด้านการ ส่งออก การนำเข้าสินค้าขั้นกลางและสินค้าทุน การลงทุนของภาคเอกชน และการบริโภคภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นมาก โดยคาดการณ์ว่า ปี 2554 GDP SMEs จะขยายตัวร้อยละ 3.2-3.5 ชะลอตัวลงจากปี 2553 จากการที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว และแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท" นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผอ.สสว.กล่าว

ด้าน นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สำหรับในปี 2554 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวชะลอลงเหลือขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 3.5-4.5% โดยมีปัจจัยหลักจากการส่งออกที่อาจชะลอตัวลง ทำให้เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนในปีหน้า ธนาคารคาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อเนื่องตามอัตราเงิน เฟ้อที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 2.5-4.0% ส่วนทิศทาง ค่าเงินบาทก็จะยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทย กับสหรัฐ

ด้าน นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลสำรวจดัชนีการส่งออกชี้ชัดว่า ต้นทุนการผลิตของการส่งออกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้ผู้ส่งออกต้องปรับราคาขายสินค้าสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2554 ซึ่งจะทำให้ปริมาณการส่งออกสินค้าของไทยลดลงอยู่ในระดับที่เติบโตเพียง 10% ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นองค์ประกอบทำให้การส่งออกลดน้อยลง ประกอบด้วยสถานการณ์อุทกภัยและสถานการณ์ภัยแล้ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่ปล่อยเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะส่งผลต่อตลาดการเงินและการลงทุนซื้อขายสินค้าล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าอย่าง ต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาพลังงานจะปรับตัว สูงขึ้น และส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุน ผู้ประกอบการส่งออกของไทย

Tags : จับสัญญาณ ปี 54 การส่งออก SMEs ไม่รื่น

view