ทัศนคติ พิชิตข้อจำกัด
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย : แจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ jack@svoa.co.th
ความสำเร็จของคนทำงานมักจะผันแปรกับ “ความสุข” หากความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้นจนอาจทำให้เราล้มเหลว ความกังวลก็จะเข้ามาแทนที่
ทำให้ความสุขลดลง ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังเรื่องต่างๆ ในจิตใจมากมาย
ซึ่งตัวแปรภายในตัวเรา คือจิตใจของแต่ละคนนั้นส่งผลมากมายต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของแต่ละคน ดูจากนักปีนเขาที่ประสบความสำเร็จ เขาอาจทำได้ทั้งๆ ไม่ได้มีความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายแตกต่างจากนักกีฬาทั่วไปเลย แต่ความมุ่งมั่นในจิตใจ ความพร้อมที่จะไปถึงเป้าหมาย ฯลฯ เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้เขาพิชิตยอดเขาได้สำเร็จ
หากเปรียบเทียบกับคนทั่วไป โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่เพิ่งก้าวพ้นรั้วมหาวิทยาลัย ทุกคนต่างก็ต้องการความสำเร็จ เช่นเดียวกับนักปีนเขาด้วยกันทั้งนั้น แต่น่าแปลกใจที่คนส่วนใหญ่มักจะวนเวียนอยู่จุดพักกลางทางเพราะก้าวต่อไปสู่ ยอดเขาไม่ได้
การที่คนส่วนใหญ่วนอยู่จุดเดิม ไม่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองไปได้ อาจเป็นเพราะยังหา “ทางขึ้น” ของตัวเองไม่ได้ ซึ่งแต่ละคนล้วนมีเส้นทางเดินที่แตกต่างกัน และเลียนแบบกันไม่ได้ โดย ขั้นที่ 1 จะเปรียบเสมือนการค้นหาตัวเอง โดยเฉพาะคนหนุ่มสาววัยราวๆ 20 ปี จะพยายามที่จะหาตัวเองว่าชอบอะไร เหมาะสมกับอะไร หลังจากพ้นรั้วมหาวิทยาลัย
ขั้นที่ 2 คือวัยที่สั่งสมประสบการณ์มาจนมากพอสมควร ทำให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ขั้นนี้มักจะอายุประมาณ 30 ปี บวกกับการฝึกฝนเพิ่มเติมจนถึงอายุราว 35 - 40 ปี หากมีฝีมือและประสบการณ์มากพอก็จะมีเวทีได้แสดงผลงานอย่างเต็มที่
แต่ก็อีกเช่นกันว่า คนในวัยนี้จำนวนไม่น้อยก็ยังคงวนเวียนอยู่ในขั้นนี้ ไม่สามารถก้าวข้ามไปยังขั้นต่อไปได้ทั้งที่มีความรู้ความสามารถเพียบพร้อม ซึ่งขั้นนี้ ตัวแปรสำคัญที่สุดอาจไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์แต่เป็นเรื่องของทัศนคติ หรือ Attitude
ในวัยนี้ ทัศนคติจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้แต่ละคนมีความแตกต่างกัน รวมถึงแบ่งแยกคนที่ประสบความสำเร็จออกจากคนทั่วไปได้ และทัศนคติยังสามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ด้วยว่าจะทำให้แต่ละคนมีจุดหมาย ปลายทางอยู่ที่ใด ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน ฯลฯ
ขณะที่คนส่วนใหญ่อาจเฝ้ารอการประเมินผลโดยหวังจะมีเงินเดือนเพิ่มขึ้น หรือได้รับการโปรโมท โดยอาจหลงลืมไปว่าความเจริญก้าวหน้าในองค์กรนั้นขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระของ ตัวเราเป็นหลัก ไม่ใช่ประสบการณ์หรืออายุการทำงานเท่านั้น
ทัศนคติ จึงหมายความรวมถึงความเข้าใจในการมองชีวิตและหน้าที่การงาน ซึ่งการจัดการกับทัศนคติของตัวเองจำเป็นต้องมองถึงเป้าหมายระยะยาว และรู้จักการ “หว่านพืชหวังผล” นั่นคือเก็บเกี่ยวประสบการณ์ บ่มเพาะความรู้ ความสามารถ เพื่อเป้าหมายคือการเติบโตต่อไปในองค์กร
การจะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง จึงต้องอาศัยทัศนคติเป็นใบเบิกทางให้เรามองเห็นหนทางของตัวเองให้ชัดเจนยิ่ง ขึ้น เปรียบเสมือนคนที่มองเห็นทางขึ้นเขาต่อได้ กับคนที่ติดค้างอยู่ตรงกลางทางเพราะมองไม่เห็นทางขึ้น
สัปดาห์หน้ายังคงมีเรื่องของ “ทัศนคติ” โดยเฉพาะการคิดเชิงบวกมาพูดคุยกันต่อนะครับ