ระหว่างบรรทัดเลือด หนังสืออย่าให้ใครเผาอีก
จาก โพสต์ทูเดย์
"บางเรื่อง ผมไม่ได้เปิดเผยในที่ประชุมสภาฯเพราะเห็นว่าไม่บังควร แต่ผมอ่านรายงานทุกวัน ทราบว่า เวลา พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงก์ไปยังแดงยูเอสเอแล้วพูดจาไม่บังควรอย่างไรบ้าง ผมเรียนว่า ถ้าคนไทยได้ยิน ไม่ได้กลับบ้านหรอกครับ"
โดย....ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นำหนังสือฉบับพิเศษ ชื่อว่า "ประเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก" โดยเรียบเรียงจากปากคำ ของนายสุเทพ และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ขอคิดด้วยคน ซึ่งเป็นการจัดพิมพ์ครั้งที่สอง มาแจกจ่ายสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล
หนังสือเล่มดังกล่าวเป็นลักษณะพ็อคเก็ตบุ๊ค กระชับมือ โดยหน้าปกมีภาพอาคาร ตึกสูงในกทม.มหานครถูกเผาในช่วงเหตุการณ์กระชับพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อ แดงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 พร้อมกับมีภาพนายสุเทพ สวมสูท ชี้นิ้วให้ดูภาพเหตุการณ์ดังกล่าว
ภายในเล่ม มีจำนวน 111 หน้า เริ่มจาก บทนำ หัวข้อ อย่ายอมให้ใคร เผาประเทศไทยอีก เขียนโดยนายสุเทพ ส่วนเนื้อหาแบ่งเป็นหลายตอน
ตอนแรก "ประเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก" แบ่งเป็น 1.กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา 2.ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ทำไม 3.ใครต้องการให้มีคนตาย 4.จุดเริ่มต้นของการป่วนประเทศ
ตอนที่สอง ชื่อเรื่อง ปี 2552 ก้าวข้ามสงครามกลางเมือง ตอนที่สาม เรื่อง ปี 2553 เผาประเทศเพื่อใคร แยกย่อยเป็น 1. ปฏิบัติการต่อเนื่องในปี 2553 2. ยึดราชดำเนิน 3. บุกค่ายทหาร 4. เทเลือด สุมไฟความรุนแรง 5. ยึดราชประสงค์ 6. ข่มขู่กดดัน กกต. 7. บุกรุกสภาผู้แทนราษฎร 8. ยึดไทยคม
ตอนที่สี่ ความจริง 10 เมษายน กองกำลังชุดดำฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน แบ่งเป็น 1. ความจริง 10 เมษายน 2. ขอคืนพื้นที่ 3. ฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน 4. กองกำลังงชุดดำ ตั้งใจมาฆ่า 5. กองกำลังติดอาวุธชุดดำ 6. ใช้ประชาชนเป็นโล่ 7. ปฏิบัติการรุนแรงคู่ขนาน 8. รัฐบาลเปิดช่องทางเจรจา 9. แกนนำก่อการร้าย
ตอนที่ห้า ใครเผาประเทศไทย แยกเป็น 1. ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ 2. นาทีกู้สถานการณ์เซ็นทรัลเวิลดิ์ 3. พรรคพวกเผาไทย 4. เตรียมการ ปลุกปั่น สั่งเผา 5. ปิดล้อม 6. กระชับพื้นที่ 7. จับโกหกฝ่ายค้านกลางสภา 8. ใครฆ่าเสธ.แดง 9. 6 ศพ ที่วัดปทุม 10 . เรื่องที่ไม่ได้เปิดเผยในสภา 11. ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
ตอนที่หก หัวข้อ ปรเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก แบ่งเป็น 1. แผนก่อการร้ายประเทศไทย 2. ฝันร้ายของคนไทยทั้งประเทศ 3. เครือข่ายก่อการร้าย 4. เลิกทำร้ายประเทศไทย
สำหรับบทนำของนายสุเทพ ระบุว่า ทุกท่านกับผมและคนทั้งโลก ก็ได้เห็นชัดเจนกับตาตัวเองว่า กลุ่มคนกลุ่มไหนที่สร้ร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยของเรา ทั้งก่อการชุมนุมยืดเยื้อ สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ บุกเข้าไปก่อกวนความเจ็บป่วยของคนไข้ในโรงพยาบาล และวางแผนเผาสถานที่สำคัญทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เป็นความคิดจะสร้างความวุ่นวาย เพียงเพื่อต้องการชิงอำนาจทางการเมือง และหาทางทำให้นักโทษหนีคดีไม่ต้องรับโทษ เมื่อทำแล้วก็มาโยนความผิดให้กับกองทัพและรัฐบาล โดยการบิดเบือนความจริงอย่างไม่ละอายใจ
“ผมทราบดีว่าพี่น้องชาวไทยของเราเป็นคนรักสงบ ไม่อยากจะทะเลาะวิวาทกับใคร แต่ถ้าเรายอมอยู่เรื่อยไป พวกเขาจะกลับมาข่มเหงน้ำใจพวกเราไม่สิ้นสุด พี่น้องครับ อย่ายอมให้ใครมาทำร้ายจิตใจของเราอีก มาร่วมกันก้าวข้ามวิกฤติการเมิองเพื่อเดินหน้าประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาในคนไทย” สุเทพเทือก สุบรรณ
สำหรับเนื้อหาภายในเล่ม มีหลายห้วงตอนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เช่น ได้เขียนถึงคนกล่าวหารัฐบาลเป็นผู้กระทำ ว่า คนเป็นรัฐบาลมีแต่จะดูแลให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย แต่ไอ้พวกคิดกบฎสิครับ ถึงจะทำให้เบ้านเมืองมันวุ่นวาย เรื่องพวกนี้ หากเราตั้งสติให้ดี คิดไตร่ตรองประกอบหลักฐานข้อเท็จจริง จะรู้เท่าทันว่า พวกผู้ร้ายที่พยายามจะบิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเอาไปพูดในสภา หรือพูดข้างเดียวในสื่อของเขา เขาพูดนิดๆหน่อยๆ แล้วก็ใส่สีตีไข่ ไม่เอาความจริงทั้งหมดมาพูด
นายสุเทพ ระบุว่า ถึงเหตุการณ์เผาเมืองว่า "คนเผาบางคน ก็ชัดเจนว่าเป็นคนเดียวกันกับที่เป็นการ์ดนักรบโรนิน แต่งกายใช้ผ้าพันคอสีดำสลับกับสีแดง สวมสายข้อมือเป็นสัญลักษณ์ธงชาติไทย"
"ผมยืนยันว่า มีกลุ่มคนได้วางแผน แบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน เพื่อที่จะสร้างสถานการณ์รุนแรงให้เกิดขึ้นในประเทศนี้ โดยหวังให้มีคนเจ็บ หวังให้มีคนตาย หวังให้มีจลาจล หวังจตะให้มีคนมายุติเหตุการณ์แล้วจะได้เจรจาทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของ ผู้สั่งการ"
กล่าวในตอน "ปฏิบัติการต่อเนื่อง ในปี 2553" ว่า การอาละวาดใหม่ในปี 2553 คราว นี้เอาผู้ก่อการร้ายมาด้วย เอาคนเสื้อดำ เอาอาวุธสงคราม เอา อาร์พีจี เอา เอ็มเจ็ดสิบเก้า มาด้วย รัฐบาลไม่เคยประณามพี่น้องประชาชนผู้ชุมนุมทั่วไปว่าเป็นผู้ก่อการร้ายเลย (คงมีแต่พวกแกนนำที่พยายามนำไปบิดเบือนเพื่อหวังจะให้ประชาชนทั่วไปมาเป็น โล่มนุษย์ให้กับตัวเอง)
ในบทที่ 3 หัวข้อ "ฆ่าทหาร ฆ่า ประชาชน" ตอนหนึ่งระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เมษายน เป็นเหตุการณ์เลวร้าย เป็นฝันร้ายที่สุดของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เหตุการณ์ที่คนอารมณ์เสีย เพราะมาดันกันไปกันมาทั้งวัน แล้วเกิดบรรดาลโทสะ ทุบตีกัน หรือทำร้ายกัน แต่เป็นเหตุการณ์ที่มีการวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนร เป็นขั้นเป็นตอน มีความตั้งใจอยู่ก่อนแล้ว ว่าจะให้เกิดการตายกันให้ได้ ต้องให้เกิดการนองเลือดกันให้ได้ ต้องให้เกิดการจลาจลให้ได้ในประเทศไทย ในวันนั้น มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนตามลำดับ
นายสุเทพ ระบุว่า เป็นภาพของความกระหยิ่มยิ้มย่องของแกนนำและพวกที่ก่อการได้สำเร็จตามเป้า หมาย แต่ว่าสังเวยชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ไป 20 คน นายทหาร 5 นาย
สำหรับบทที่ 7 "จับโกหกฝ่ายค้านกลางสภา" ระบุว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนโกหกกลางสภา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งความจริงที่สรุปได้ชัดเจนคือ ประการที่หนึ่ง ทหารไม่ได้เป็นคนเผาเซ็นทรัลเวิลดิ์ พนักงานของเซ็นทรัลฯ มากกว่า 400 คน (ที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วย) พร้อมที่จะเป็นพยานให้ ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ผู้บริหารของเซ็นทรัลเวิลดิ์ ได้พูดจาติดต่อประสานงานกับผมตั้งแต่ในขณะที่ไฟกำลังไหม้อยู่ จนเดี๋ยวนี่ยังเป็นพยานให้ได้
ยิ่งกว่านั้นยังโกหกต่อไปอีกว่า ผู้บริหารเซ็นทรัลฯก็ดี พนักงานเซ็นทรัลฯทุกข์ใจ ช้ำใจ ก็เป็นการพยายามโกหกอีกครั้งหนึ่ง เพราะผมได้พบคนเหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น และบันทึกปากคำเอาไว้แล้วทั้งนี้ไม่เป็นไปอย่างที่กล่าวหากันเลยแม้แต่น้อย
หรือการอ้างว่าทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้าไปยิงตรงนั้นตรงนี้ โดยอ้างสำนวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั้นเป็นการโกหกทั้งสิ้น นำสำนวนมาบิดเบือนโดยอ่านไม่หมด
ส่วนตอนที่ 8 "ใครฆ่าเสธ.แดง" นายสุเทพ ระบุว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปีที่แล้ว (ปลายปี 2553 ) ผมก็สงสัยว่า ทำไมฝ่ายค้านถึงไม่ยกกรณีของเสธ.แดงมาอภิปรายในสภา เพราผมเองก็สงสัยอยู่ว่า พวกเขาเองหรือเปล่าที่บงการฆ่า เสธ.แดง มีคำสัมภาษณ์ของเสธ.แดง ก่อนตายไม่กี่ชั่วโมง( นสพ.โพสต์ทูเดย์) ที่บอกว่า เมื่อเช้าน่ะเกือบยิงกันแล้ว หมายถึงยิงกับใครครับ? ก็ยิงระหว่างพวกแกนนำเสื้อแดงกันเองนั่นแหละ ไม่พอใจกัน แตกกัน มีการแย่งชิงอำนาจกัน เสธ.แดงพูดมาก ทำให้ความลับเผยออกมามาก เสธ.แดงเป็นคนให้สัมภาษณ์เองว่า ในขณะนี้คุณทักษิณสั่งตั้งแกนนำชุดใหม่แล้ว ใครไม่สู้ให้กลับบ้านไป ประเด็นอย่างนี้ ทำให้ผมสงสัย พยายามจะพูดว่า สงสัยผมสั่งฆ่าเสธ.แดง แต่ผมกลับสงสัยว่า พวกเขาทำกันเอง แล้วมาป้ายความผิดให้พวกผมครับ อันนี้น่าสลดใจมาก
อีกเนื้อหาน่าสนใจยิ่ง ในตอนที่ 10 หัวข้อ เรื่องที่ไม่ได้เปิดเผยในสภา นายสุเทพ เขียนว่า "บาง เรื่อง ผมไม่ได้เปิดเผยในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพราะเห็นว่า ไม่บังควร แต่ผมได้อ่านรายงานทุกวัน ทราบว่า เวลา พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงก์ไปยังแดงยูเอสเอ( USA ) หรือแดงประเทศนั้นประเทศนี้ แล้วพูดจาที่ไม่บังควรอย่างไรบ้าง ผมเรียนว่า ถ้าคนไทยได้ยิน ไม่ได้กลับบ้านหรอกครับ"
เหล่านี้ เป็นเนื้อหาสาระบางห้วงบางตอน ซึ่งยังมีอีกหลายบรรทัดที่บอกเล่าความเป็นไปของเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ใน ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ให้ประชาชนทุกคนได้พิจารณา ทบทวนว่า เหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกบนแผ่นดินไทย
*** สำหรับหนังสือเล่มดังกล่าว นายสุเทพ จะไปเปิดตัวที่พรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 6 เม.ย.จำนวน 2,000 เล่ม เนื่องในโอกาสวันเกิดพรรค โดยจำหน่ายในราคาเล่มละ 80 บาท เพื่อนำรายได้ช่วยพี่น้องประสบอุทกภัยภาคใต้ รวมทั้งมีจำหน่ายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ สิริกิตติ์***
"สุเทพ"เขียนหนังสือเรื่อง“ประเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก”
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สุเทพ" เขียนหนังสือเรื่อง “ประเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก” แจงเรื่องราวเกี่ยวกับม็อบเสื้อแดง
ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้เขียนหนังสือเรื่อง “ประเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก” ฉบับพิเศษ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ขอคิดด้วยคน ที่เรียบเรียงจากปากคำของนายสุเทพ โดยคำนำของหนังสือเล่มนี้นายสุเทพเขียนไว้ว่า “หนังสือเล่มนี้เรียบเรียงจากบันทึกคำอภิปรายในรัฐสภาเพื่อชี้แจงฝ่ายค้านในกรณีเหตุการณ์จราจลและการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในประเทศไทยระหว่างพ.ศ. 2552-53 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. -19 พ.ค. 2553 ที่มีนักการเมืองบางกลุ่มบางคนพยายามจะบิดเบือนความจริงใส่ร้ายรัฐบาลและกองทัพว่าเป็นผู้กระทำ โดยจะเปิดตัวใวันที่ 6 เม.ย.ที่พรรคประชาธิปัตย์
คนทั้งโลกเห็นชัดกับตาตัวเองว่ากลุ่มไหนที่สร้างความเสียหายให้ประเทศทั้งก่อการชุมนุมยืดเยื้อ สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ บุกไปก่อกวนความเจ็บป่วยของคนไข้ในโรงพยาบาลและวางแผนเผาสถานที่สำคัญในกทม.และต่างจังหวัด เป็นความคิดสร้างความวุ่นวายเพียงเพื่อต้องการชิงอำนาจทางการเมืองและหาทางให้นักโทษหนีคดีไม่ต้องรับโทษเมื่อทำผิดแล้วก็มาโยนความผิดให้กับกองทัพและรัฐบาล โดยการบิดเบือนอย่างไม่ละอายใจ
ผมทราบดีว่าพี่น้องชาวไทยเป็นคนรักสงบไม่อยากทะเลาะวิวาทกับใครแต่ถ้าเรายอมเรื่อยไป พวกเขาจะกลับมาข่มเหงน้ำใจพวกเราไม่สิ้นสุด พี่น้องครับ อย่ายอมให้ใครมาทำร้ายจิตใจของเราอีก มาร่วมกันก้าวข้ามวิกฤติการเมืองเพื่อเดินหน้าประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า”
หนังสือเล่มนี้มีหกบท คือ ประเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก, ปี 2552 ก้าวข้ามสงครามการเมือง, ปี 2553 เผาประเทศเพื่อใคร, ความจริง 10 เมษายนกองกำลังชุดดำฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน ,ใครเผาประเทศไทย , และประเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก จำนวน 111 หน้า โดยสาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้มีดังนี้
ตอน”ปี 2553 เผาประเทศเพื่อใคร” มีใจความว่า เป็นการชี้แจงและอธิบายให้เห็นถึงการชุมนุมของนปช.ที่เริ่มชุมนุมสะพานผ่านฟ้าลีลาศเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2553 จากนั้นบุกค่ายทหาร (ร. 11 รอ.) ซึ่งเป็นที่ตั้งของศอรส. จากนั้นมีพิธีเทเลือดที่พรรคประชาธิปัตย์ ทำเนียบรัฐบาลและบ้านพักนายกฯ ต่อมาเคลื่อนขบวนไปปิดแยกราชประสงค์จนสร้างผลกระทบกว้างขวาง ต่อมาเดินทางไปกดดันกกต.ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และบุกเข้าไปห้องอาหารรัฐสภาเพื่อหวังจับกุมนายสุเทพ มีการทำร้ายรปภ.ของนายกฯและแย่งปืนกับแก๊สน้ำตาจากเจ้าหน้าที่ รวมทั้งปิดยึดสถานีดาวเทียมไทยคม อีกทั้งยังไล่ทุบตีทหาร
ส่วนตอน “ความจริง 10 เมษายนกองกำลังชุดดำฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน” มีรายละเอียดว่า เป็นวันที่เลวร้ายที่สุด เพราะนปช.ยึดพื้นที่ราชดำเนินและราชประสงค์ไว้แล้ว จึงมีการขอคืนพื้นที่ในช่วงกลางวัน โดยปฏิบัติตามหลักสากลทุกอย่าง มาตรการสุดท้ายคือใช้กระสุนยาง แม้ผู้บังคับหน่วยจะมีอาวุธจริงก็ตามแต่ก็ไม่ได้ใช้ การขอคืนพื้นที่ในช่วงแรกผู้ชุมนุมใช้ไม้หน้าสาม บันได วิ่งชนเจ้าหน้าที่ล้มระเนระนาดและต้องหนีมาตั้งหลักที่กองทัพภาคที่หนึ่ง จนถึงช่วงเย็นก็สั่งถอย และอีกด้านนั้นเจ้าหน้าที่ข้ามมาจากสะพานปิ่นเกล้า แม้มีอาวุธประจำหน่วยแต่ใส่ไว้ในรถ ไม่ได้แจกจ่าย เจ้าหน้าที่มีเพียงโล่ห์และกระบอง ผู้ชุมนุมก็เข้ารุมล้อมและยึดรถ รวมทั้งแย่งอาวุธไปทั้งหมด
บริเวณถนนดินสอ สี่แยกคอกวัวนั้น แกนนำปลุกระดมให้ล้อมเจ้าหน้าที่จนถอนกำลังไม่ได้ และกลายเป็นเป้าสังหาร เป็นวันแรกที่คนไทยได้เห็นกองกำลังชุดดำที่เตรียมการเป็นอย่างดี มีหลักฐานคือภาพถ่ายจากสื่อไทยและต่างประเทศ รวมทั้งถ่ายโดยคนเสื้อแดง มีการผลักดันไปมาทั้งวัน กระทั่งเวลา 16.00 น.มีการโพสต์ข้อความในเว็บไซต์ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ที่ระบุว่า”ต้องขอบใจที่ทหารเลิกยิงประชาชนด้วยเอ็ม 16 Theme อาจจะเปลี่ยนด้วยประวัติศาสตร์ของนักรบพระเจ้าตากที่ทนไม่ไหว ต้องเอากระบี่เสียบเอว พวกมึงอยู่ไหนกันหมด ไปช่วยประชาชนด้วยโว้ย บอกว่ากูสั่ง”
จากนั้นช่วงค่ำมีการใช้ปืนอาก้าที่ไม่มีทหารหน่วยใดนำมาใช้ แต่ชายชุดดำถือไว้โดยมีภาพปรากฏผ่านสื่อ โดยนำไปยิงเฮลิคอปเตอร์ที่โปรยใบปลิวและหย่อนแก๊สน้ำตาเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ที่ถูกล้อมถอนตัวออกไปได้ รวมทั้งยังใช้ระเบิดโจมตีเจ้าหน้าที่โดยมีคลิปวีดีโอชี้ชัดว่า มีกองกำลังชุดดำออกมาโจมตีทหารและบอกให้ผู้ชุมนุมไม่รู้ไม่เห็น ใครถามก็บอกว่าไม่ได้ยินจนทำให้ประชาชนยี่สิบคนและทหารห้านายสังเวยชีวิต อาทิ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม คนเหล่านี้มีแผน ตั้งใจ ไม่กลัวกฎหมาย เอาประชาชนเป็นโล่ห์และเกราะกำบัง เจ้าหน้าที่แม้จะมีอาวุธอยู่กับมือแต่ไม่กล้าไปยิงคนเสื้อดำเต็มที่ เพราะกลัวประชาชนโดนลูกหลง
มีการระบุว่ากองกำลังชุดดำได้รับการฝึกให้กระทำการรุนแรง โดยฝึกให้ยิงปืนและตั้งใจให้ยิงหัวคนอย่างเดียว มีพยานหลักฐานประจักษ์ชัดว่า กองกำลังชุดดำกับขบวนการเสื้อแดงและพวกเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปี 2551 และปี 2552 นำมาใช้ครั้งเดียวคือยิงคนที่นางเลิ้งตายสองราย บาดเจ็บห้าราย แต่ปี 2553 นำมาเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการฆ่าคนโดยเจตนา
กองกำลังชุดดำมีด้วยกันสี่หน่วยคือ กลุ่มนักรบโรนินที่มาร่วมปฏิบัติการณ์ด้วยและโดนจับกลุ่มได้หลายคน โดยกลุ่มนี้เข้ามาโดยรถตู้ และอาวุธที่นำไปก่อเหตุหลังวันดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นการยึดอาวุธจากเจ้าหน้าที่, กลุ่มเสือดำ ต้นกำเนิดคือเป็นกองกำลังที่ฝึกจากความคิดของ พล.ท.ทวนทอง อินทรทัต และนายอารีย์ ไกรนรา กลุ่มนี้พัฒนาจากการ์ดอาสาของคนเสื้อแดง, กลุ่มสมิงดำ เป็นการรวมกลุ่มฮาร์ดคอร์จากศาลาแดงมาผสมเข้าด้วยกัน โดยมีนายสมพงษ์ บังชม เป็นแกนนำ, กลุ่มกูผู้ชนะ กำกับดูแลโดยนายยงยุทธ ที่อยู่ระหว่างติดตามหารายละเอียด
วันที่ 16 เม.ย.แกนนำที่นำโดยนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นำมวลชนไปยึดสีลมเพื่อต้องการให้กทม.เป็นอัมพาตจนมีเหตุยิงเอ็ม 79 ใส่ประชาชนที่ศาลาแดง เช่นเดียวกับวันที่ 22 เม.ย.ที่ยิงกันห้าครั้งจนมีคนเสียชีวิตและมีการตั้งด่านเถื่อนปิดการจราจรถนนพหลโยธินขาเข้า และปะทะกับเจ้าหน้าที่ ต่อมาวันที่ 29 เม.ย.มีการบุกโรงพยาบาลจุฬาฯ
ยืนยันว่าทั้งหมดมีหลักฐานชัดเจน ในช่วงเดือนเม.ย.และพ.ค.กลุ่มเหล่านี้ก่อเหตุคู่ขนานกับเวทีชุมนุม ขณะที่การปราศรัยอย่างเรียบร้อย แต่อีกกลุ่มออกไปใช้อาวุธก่อวินาศกรรมสถานที่อื่นๆ ส่วนใหญ่ที่หลบหนีไปได้เพราะกล้องจับไม่ได้ เนื่องจากมีการทำลายจนไม่ถ่ายให้เห็นว่าดำเนินการอะไรอยู่ ถือเป็นกระบวนการวางแผนเป็นระบบ
“เดือนมี.ค.นายกฯนัดเจรจากับแกนนำที่สถาบันพระปกเกล้าเพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้รับโทรศัพท์สั่งการจากต่างประเทศจนท่าทีเปลี่ยนไปและยกเลิกการเจรจา แสดงให้เห็นว่าผู้สั่งการจากต่างประเทศคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการโทรศัพท์ วีดีโอลิงก์เข้ามาจนทำให้การเจรจาไม่สำเร็จ จากนั้นมีการเรียกร้องให้ผมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ผมไปมอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอ ยืนยันว่าผมไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น นายจตุพรกับพวก 26 คนเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายคดีพิเศษ ยืนยันไม่ใช่การกลั่นแกล้ง”
ขณะที่ตอน ”ใครเผาประเทศไทย” มีใจความว่า มีการลำดับเวลาการเผาเซ็นทรัล เวิล์ด มีการจับคนร้ายได้สี่คนและถูกหมายจับเก้าคน วันที่เกิดเหตุนั้นยี่สิบคนไปทำลายกระจกและบุกเข้าไปและจุดเพลิงไฟเผา แต่สปริงเกอร์ทำงาน มีการพยายามวางเพลิงสองรอบแต่ไม่สำเร็จ และรอบที่สามส่งคนเข้าไปใหม่ แต่พนักงานดับเพลิงมีมากกว่า คนกลุ่มนี้ถอยออกไป จากนั้นก็ส่งคนเข้าไปอีกและขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ โดยมีภาพปรากฏชัดว่า คนที่บุกเข้าไปไม่ใช่เจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นบิดเบือนใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ ข้อเท็จจริงคือ คนที่บุกเข้าไปได้ขว้างระเบิด ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ให้ปากคำไว้เรียบร้อยแล้วว่า กลุ่มนี้ขว้างระเบิดไล่ออกมา ใครเข้ามาดับเพลิงก็ยิง จนต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาและคุ้มกันเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ได้
การสั่งการทั้งหมดในวันนั้น มีบันทึกสำเนาวิทยุสั่งการวิทยุสื่อสารของกทม.แบบนาทีต่อนาทีไม่สามารถบิดเบือนเป็นอื่นได้ หากใครได้ดูบันทึกดังกล่าวจะเข้าใจว่าคนเผาเซ็นทรัลเวิล์ด คือคนที่พยายามจะใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ในวันนี้ รวมทั้งยังมีการเผาสถานที่ต่างๆ ในกทม. ทั้งนี้นายสุเทพ ยังไล่ให้เห็นภาพการปลุกระดมของแกนนำนปช. เช่น นายอริสมันต์ ระบุให้ผู้ชุมนุมนำน้ำมันมาคนละหนึ่งลิตรเพื่อทำให้กทม.เป็นทะเลเพลิง นัดหมายประชาชนไปที่ศาลากลางจังหวัดด้วย
“ปฏิบัติการณ์วันดังกล่าวนั้น เจ้าหน้าที่ทำตามความจำเป็น รอบคอบ ระมัดระวังที่สุด โดยสวนลุมพินีคือฐานที่มั่นที่โดนยึดไว้และยิงเอ็ม 79 ใส่สถานที่ต่างๆ สิ่งที่รัฐบาลทำคือ ไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสลายการชุมนุมแต่ใช้วิธีตั้งด่านสกัดรอบ ๆ เพื่อไม่ให้ขนอาวุธและระดมคนเข้าไปเพิ่ม กดดันให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน ผู้ก่อการร้ายจึงออกปฏิบัติการณ์ในจุดต่างๆ และเกิดการเสียชีวิตจำนวนมาก การนำรถเกราะออกมาใช้นั้นเป็นเพียงเครื่องกำบังทหาร ไม่ได้นำมาไล่ยิงประชาชน การทำงานของเจ้าหน้าที่ สื่อมวลชนติดตามอยู่อย่างเปิดเผย ความจริงปฏิบัติการณ์วันนั้นมีคนเสียชีวิตจริงๆหกราย นับรวมสองรายที่เสียชีวิตก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่เข้าไปถึง แต่อีกฝ่ายบิดเบือนพยายามวดาภาพใหญ่โตว่ารัฐบาลส่งทหารเข้าไปสลายการชุมนุม”
หนังสือระบุว่า สงสัยว่าทำไมการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปลายปี 2553 ฝ่ายค้านไม่ยกกรณีการเสียชีวิตของเสธ.แดงมาอภิปราย ซึ่งสงสัยว่าพวกเขาเองหรือไม่ที่บงการฆ่า เพราะมีคำสัมภาษณ์ของเสธ.แดงก่อนเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมงว่า เมื่อเช้าเกือบยิงกันแล้ว ตนสงสัยว่าเพราะไม่พอใจกัน แตกกัน แย่งชิงอำนาจ หรือเสธ.แดงพูดมากทำให้ความลับเผยออกมามาก เสธ.แดงให้สัมภาษณ์เองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งตั้งแกนนำชุดใหม่แล้ว ใครไม่สู้ให้กลับบ้านไป เป็นประเด็นที่สงสัยว่าทำกันเองแล้วป้ายความผิดให้ตน
ฉะนั้นกรณีหกศพที่วัดปทุมฯ ที่ระบุว่าไม่เคยจับอาวุธ แต่จากการชันสูตรเบื้องต้นพบว่า สองศพมีเขม่าดินปืนที่มือแสดงให้เห็นว่าน่าจะเป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนมาก่อนเสียชีวิต และอ้างว่าบางศพกระสุนฝังในนั้น เป็นกระสุนหัวสีเขียวของทหาร มันเป็นกระสุนของทหารจริง แต่สรุปเช่นนี้ไม่ถูกต้องเพราะวันที่ 10 เม.ย.บางกลุ่มยึดอาวุธจากทหารไป
“บางเรื่องที่ไม่ได้เปิดเผยในสภาเพราะเห็นว่าไม่บังควร แต่ผมอ่านรายงานทุกวันทราบว่า เวลา พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงก์ไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงยูเอสเอหรือประเทศต่างๆ แล้วพูดจาไม่บังควรอย่างไรบ้าง ผมเรียนว่าหากคนไทยได้ยิน ไม่ได้กลับบ้านหรอกครับ”
ตอนสุดท้ายคือ ”ประเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก” มีใจความว่า แผนการก่อการร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มีการวางแผนมาก่อนแล้วทั้งสิ้น มีการแบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ เช่นยุทธการ การเมือง การเงิน วิชาการ โดยมีแกนนำเพื่อให้เกิดการจราจลนองเลือดในเดือนพ.ค. 2553 หวังว่าจะให้มีคนลงมายุติเรื่อง เจรจาต่อรองกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับประเทศโดยไม่ต้องติดคุกและได้ทรัพย์สินกลับคืนทั้งหมด
ตอนนี้ยังมีการสร้างเครือข่ายบิดเบือนข้อมูลข่าวสารว่ารัฐบาลนี้ไม่ชอบธรรม ทั้งๆที่รัฐบาลนี้มีที่มาเดียวกับรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีการตั้งโรงเรียนปลูกฝังอุดมการณ์ต่อต้านระบบการปกครองกระจายตามชนบทต่างๆ และชักชวนชาวต่างชาติเข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในของไทยและทำลายภาพลักษณ์ประเทศ
“เครือข่ายก่อการร้ายนั้น เหตุร้ายแรงทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะคนๆ เดียวคือ ที่ถูกตัดสินจำคุก ยึดทรัพย์ คนเหล่านี้เคลื่อนไหวโดยอ้างรัฐธรรมนูญและการชุมนุมโดยสงบ สันติ และทำเหตุรุนแรงคู่ขนาน ผมอยากฝากไปถึงนายใหญ่ของคนพวกนี้ว่าถ้ารักบ้าน รักเมือง รักประเทศชาติ รักประชาชน วันนี้ไม่สายที่จะมาร่วมมือกัน รัฐบาลเปิดโอกาสให้แล้ว นายกฯ ประกาศวันเวลาแน่ชัดแล้วว่าจะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เริ่มต้นกันใหม่ มาสิครับ มาต่อสู้กันตามแนวทางประชาธิปไตย พวกท่านเป็นพรรคการเมือง ผมเป็นพรรคการเมือง ไปหาเสียงแข่งขันกัน มีนโยบายแนวทางอย่างไรก็เสนอประชาชน แล้วประชาชนตัดสินใจเลือกใครเข้ามาก็เข้ามาดูแล มีอำนาจบริหารราชการบ้านเมือง”
“ถ้าประชาชนชอบและศรัทธาท่าน เลือกท่านเข้ามาเกินครึ่งในสภานี้ ท่านก็ตั้งรัฐบาล ก็มีเสียงข้างมาก จะออกกฎหมายใหม่ นิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมดก็ได้หากไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ผิดกฎหมาย พวกผมก็นั่งดูตาปริบๆ”
หนังสือระบุว่า นายจตุพรลองโทรศัพท์ไปปรึกษานายว่า ให้มาต่อสู้ตามวิถีประชาธิปไตยที่ขาวสะอาด หากอยากให้คนเห็นใจก็กลับมาติดคุกดูสักพักแล้วก็ไปโฆษณาเลยว่า หากอยากออกจากคุกก็ให้เลือกเต็มสภา บางทีก็อาจจะเลือก ไม่ใช่เล่นนอกกติกา เอาปรียบกันอย่างนี้ เล่นมีทั้งพรรคการเมือง ทั้งสร้างมวลชน มีกองกำลังติดอาวุธ อย่างนี้ไม่ใช่วิธีต่อสู้ตามประชาธิปไตย ที่ทำกันมา ทำให้ผมคิดถึงสมัยที่ผมเป็นกำนันจ.สุราษฎร์ธานี ผมเห็นพฤติกรรมอย่างนี้ พรรคคอมมิวนิสต์ทำกัน
“ผมคิดว่าคนไทยเปิดโอกาสห ากประกาศให้เปิดเผยว่าต้องการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของทักษิณ ต้องการให้ทักษิณกลับประเทศไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องถูกยึดทรัพย์ นำขึ้นเป็นนโยบายเลย คนชอบก็เลือก หากชนะฝ่ายผมก็นั่งเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีเหตุร้าย มันมีวิถีทางที่จะแก้ได้ หากตราบใดยังใช้การก่อการร้าย ก่อวินาศกรรม ฆ่าประชาชนและเจ้าหน้าที่ ใส่ร้ายทหารและพวกผมว่าเป็นฆาตกร ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ยอม เชื่อผมเถอะ ฝากบอกไปด้วยว่าหากยังเดินหน้าด้วยวิธีเยี่ยงนี้ ท่านไม่มีวันชนะ”