สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สรรพากรดักคอพ่อค้าหัวใส ตรวจเข้มธุรกิจแต่งบัญชีปี 51เลี่ยงจ่ายภาษี

(อ่าน 1597/ ตอบ 0)

108acc











 
ประชาชาติธุรกิจ

"ประดิษฐ์" รุกกรมสรรพากร สั่งตรวจสอบเข้มบริษัทเอกชนที่แต่งงบบัญชีปี 2551 เลี่ยงภาษี ดักทางพ่อค้าหัวใสที่ฉวยโอกาสอ้างวิกฤตเศรษฐกิจ ทั้งที่ปี′51ยังมีกำไร





นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 ได้ 559,234 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการถึง 98,000 ล้านบาท หรือ 14.9% เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมาตนจึงได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสรรพากร ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ในการจัดเก็บรายได้ให้กับรัฐบาล โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการหดตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้การนำเข้าสินค้าจากต่าง ประเทศและการบริโภคภายในประเทศลดต่ำลงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มต่ำกว่าเป้าหมายเป็นจำนวนมาก


แต่อย่างไรก็ตามนายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร รายงานว่า ในช่วงครึ่งปีหลังกรมสรรพากรจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล เข้ามาในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ โดยผู้ประกอบกิจการบริษัท ห้างร้านจะต้องนำผลกำไรสุทธิที่มาจากการประกอบธุรกิจในปี 2551 มายื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด. 50 เพื่อเสียภาษีในอัตรา 30% ของกำไรสุทธิ ซึ่งกิจการส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงนั้น ดังนั้นการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในเดือนนี้จึงไม่น่าที่จะต่ำกว่าเป้า หมายมากนัก


"ผมขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะให้กรมสรรพากรส่งเจ้าหน้าที่ออกไปไล่บี้ภาษีผู้ ประกอบการในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา เพราะไม่อยากจะไปซ้ำเติม แต่คงจะใช้วิธีการเรียกผู้ประกอบการรายที่น่าสงสัยว่าจะเสียภาษีไม่ถูกต้อง มาพูดคุยกันด้วยเหตุผล และให้โอกาสเขาปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง ในยามที่ฐานะการคลังของประเทศมีปัญหา ผมอยากจะให้ผู้ประกอบการเสียสละเพื่อชาติ ชำระภาษีให้ถูกต้อง" นายประดิษฐ์กล่าว


@มอบหมาย LTO ตรวจสอบรายใหญ่

นาย ประดิษฐ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางกรมสรรพากรยังได้มอบหมายให้ศูนย์บริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ (LTO) เข้าไปกำกับดูแลผู้เสียภาษีที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีทีมงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการกำกับดูแลผู้เสียภาษีเป็นรายกลุ่ม อุตสาหกรรมและรายบริษัท หากตรวจสอบพบผู้ประกอบการมีการตกแต่งบัญชี เพื่อให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลน้อยลง เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรจะเรียกมาสอบถามข้อเท็จจริงและแก้ไขให้ถูกต้อง


สำหรับแนวทางการดำเนินการของกรมสรรพากร นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากรในช่วงปี 2551 เปรียบเทียบกับปี 2550 พบว่ายอดขายสินค้าและบริการของบริษัท ห้างร้าน ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าปี 2550 โดยดูจากข้อมูลภาษีซื้อ จึงมั่นใจว่าการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในเดือน พ.ค.ไม่น่าจะต่ำกว่าเป้าหมาย ดังนั้นในกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรสงสัยว่าจะมีการตกแต่งบัญชี หลบเลี่ยงภาษี ทางกรมสรรพากรจะใช้ข้อมูลภาษีขายที่ผู้ประกอบการเป็นผู้ยื่นนำส่งกรมสรรพากร ทุกเดือน เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบยันกลับไปหารายได้ที่แท้จริงของบริษัท ส่วนการตรวจสอบทางด้านรายจ่ายก็จะมีทั้งเครื่องมือภาษีซื้อและเครื่องมือ ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นตัวตรวจเช็กยันในฝั่งของรายจ่ายได้อีกทางหนึ่ง


นายสาธิต รังคศิริ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี 10 เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้รับนโยบายในการเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบภาษีเงินได้ นิติบุคคล โดยจะเปิดให้บริษัทเข้ามายื่นแบบ ภ.ง.ด. 50 ภายในวันที่ 30 พ.ค.นี้ โดยเฉพาะในกรณีที่เจ้าหน้าที่สงสัยว่าจะมีการตกแต่งบัญชีเลี่ยงภาษีด้วยการ ทำกำไรสุทธิต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งถ้าตรวจสอบพบในขั้นแรกจะให้ผู้ประกอบการมาเจรจาและขอความร่วมมือในการ แก้ไขให้ถูกต้อง แต่ถ้าพบว่ายังไม่ยอมดำเนินการใดๆ อีก ทางกรมสรรพากรจำเป็นที่จะต้องออกหมายเรียก เพื่อทำการประเมินภาษีส่วนที่ยังไม่ได้ชำระหรือชำระไว้ไม่ครบ ผู้ประกอบการจะต้องถูกเบี้ยปรับและเงินเพิ่มรายเดือนด้วย (ปัจจุบันคิดที่อัตราดอกเบี้ย 18% ต่อปี)


นายสาธิตคาดว่าการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลรอบนี้ไม่น่าจะต่ำกว่าเป้า หมายมากนัก แต่ถ้ากรมสรรพากรเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้ามากกว่า 25% คงจะต้องให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบดูในรายละเอียด เพราะการยื่นเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลนี้เป็นการนำผลประกอบการที่เกิดขึ้น จริงในปี 2551 มาเสียภาษี ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2551 ยังขยายตัวได้ 2.6% ยังไม่มีปัญหาเศรษฐกิจหดตัว ยกเว้นช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2551 ที่เกิดความรุนแรงของวิกฤตการเงินโลกและการปิดสนามบินสุวรรณภูมิจนส่งผล กระทบต่อธุรกิจภาคส่งออกและท่องเที่ยว ซึ่งอาจทำให้รายได้ลดลง ขณะที่ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร ก่อสร้าง รถยนต์ ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว


ดังนั้นหากผู้ประกอบการมายื่นกำไรสุทธิเฉลี่ยทั้งปีต่ำกว่าความเป็นจริง คงจะต้องให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของรายได้หรือยอดขายที่ลดลง รวมถึงรายจ่ายที่นำมาลงในบัญชีว่าถูกต้องตามกฎหมายกำหนดหรือไม่ แต่ถ้าผลขาดทุนเกิดจากปัจจัยที่ไม่คาดคิด เช่น ถูกประเทศคู่ค้ายกเลิกออร์เดอร์สั่งสินค้า นักท่องเที่ยวยกเลิกมาเที่ยวเมืองไทย น้ำท่วม ไฟไหม้ เป็นต้น ถ้าผู้ประกอบการมีหลักฐานแสดงชัดเจนก็จะอนุโลมให้


@ติวเข้มสรรพากรพื้นที่วิเคราะห์งบ

นาย สาธิตมั่นใจว่า การฝึกอบรมในการเพิ่มประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่จะทำให้สามารถตรวจสอบงบดุล งบกำไรขาดทุน และวิเคราะห์ผลประกอบการของบริษัทที่มายื่นแบบ ภ.ง.ด. 50 ได้ว่า กิจการนั้นๆ ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกและปัญหาการเมืองภายในประเทศจริงหรือไม่ โดยล่าสุดมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ สำนักงานสรรพากรภาคที่ 1 ผ่านการอบรมในหลักสูตรนี้แล้ว ส่วนพื้นที่อื่นๆ กำลังทยอยเข้ารับการฝึกอบรม


สำหรับความคืบหน้าของการตรวจสอบภาษีของคณะบุคคล นายสาธิตกล่าวว่า บ่ายวันจันทร์นี้ (27 เม.ย.) อธิบดีกรมสรรพากรจะเชิญกลุ่มดารานักแสดง คณะตลก มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการชำระภาษีที่ถูกต้อง เนื่องจากสรรพากรตรวจพบว่ามีผู้เสียภาษีบางรายมีชื่ออยู่ในคณะบุคคลประมาณ 400 แห่ง หากพบว่ามีเจตนาหลบเลี่ยงภาษีจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที



Lock Reply
view