จาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สื่อข่าว ประชาชาติออนไลน์ รายงานว่า ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการเสวนาร่วมกันระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. และผู้บริหารระดับสูงภาครัฐวิสาหกิจ กว่า 40 แห่ง ซึ่งปรากฏว่า ตัวแทนแทบทุกรัฐวิสาหกิจต่างยืนยันว่า การเมืองได้เข้าไปแทรกเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ และนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่น ในการจัดซื้อจัดจ้าง หรือในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ในกรณีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ฝ่ายเมืองจะเข้าไปกำหนด ทีโออาร์ กำหนดสเป็กอย่างเบ็ดเสร็จ ผ่านบอร์ด(กรรมการบริษัท)ที่มีคนของนักการเมืองเข้าไปเป็นกรรมการ รวมถึงนักการเมืองได้แต่งตั้งคนของตนเองเข้าไปนั่งในระดับบริหาร จนถึงระดับผู้อำนวยการ
ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง กล่าวว่า พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลก็เหมือนบริษัทที่ชนะการประมูล จากนั้นบริษัทการเมืองก็จะเข้าไปดูงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เข้าไปดูโครงการ และแทรกคนของตนเองเข้าไปในบอร์ด หากโครงการใดนักการเมืองไม่ได้ประโยชน์ ก็จะขัดขวางโครงการนั้น เป็นการแช่แข็งโครงการ แต่ถ้าตนได้ประโยชน์ก็จะเร่งผลักดันและขยายโครงการ ทุกวันนี้ที่รัฐวิสาหกิจขาดทุนก็เพราะนักการเมืองเข้าไปล้วงลูก
ตัวแทนจากบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) เผยว่า ทุกวันนี้ สัญญาจัดซื้อจัดจ้างในการบินไทย ร้อยละ 50 ส่อทุจริต ยิ่งปัจจุบัน ทุกรัฐวิสาหกิจ ใช้สัญญามาตรฐาน ทำให้ฝ่ายจัดซื้อมีอำนาจเต็มที่ ไม่ต้องผ่านการตรวจสอบจากฝ่ายกฎหมาย ทำให้เกิดความไม่โปร่งใสในสัญญาจัดซื้อจัดแจ้ง นอกจากนี้ สัญญาเอ้าท์ซอร์ส(outsource) หรือสัญญาจัดจ้างบุคคลภายนอก กลายเป็นที่แสวงหาผลประโยชน์ของนักการเมือง ที่นำบริษัทพวกพ้องเข้าไปหาประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจ ทำให้รัฐวิสาหกิจได้รับความเสียหายอย่างมาก