สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เรทติ้ง กับ เกมหวาดเสียว

เรทติ้ง กับ เกมหวาดเสียว

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




หลังจากที่รัฐสภาอเมริกัน ไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องงบประมาณ

จนทำให้หน่วยงานภาครัฐ หลายแห่ง ต้องมีการหยุดงานเป็นการชั่วคราวนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นมาความสนใจก็มุ่งไปสู่เรื่องการขยายเพดานหนี้ ซึ่งจะถึงเส้นตายในวันที่ 17 ตุลาคม นี้

เพราะถ้าหากรัฐสภาไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนวันนั้น รัฐบาลอเมริกันก็อาจจะผิดนัดชำระหนี้ และจะมีผลต่ออันดับเครดิตของประเทศ กระทบต่อความเชื่อมั่น ในตลาดเงินและตลาดทุน เป็นอย่างมาก

อันดับเครดิตของอเมริกานั้น อยู่ที่ระดับสูงสุดคือ AAA มาเป็นเวลานานมาก แม้ในยามวิกฤติ ซึ่งเศรษฐกิจของอเมริกาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงหลายครั้ง แต่บริษัทจัดอันดับเครดิตยักษ์ใหญ่ของโลก ทั้งสามแห่ง คือ Moody’s, Standards & Poor's และ Fitch ก็ยังคงอันดับไว้สูงสุดเช่นนั้น จนบางครั้ง ก็มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ ว่าเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร

แต่ในที่สุด เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2011 บริษัท S&P ก็เป็นรายแรก ที่กล้าตัดสินใจลดอันดับเครดิตของอเมริกาลงจาก AAA (ซึ่งได้ให้ไว้ตั้งแต่ปี 1941) ลงมาเหลือ AA+ แถมยังให้แนวโน้มเป็น “ลบ” อีกด้วย ซึ่งหมายความว่ายังมีโอกาสที่จะปรับลดลงได้อีกใน 1-2 ปีข้างหน้า นับเป็นการสร้างความสั่นสะเทือนในวงการอย่างมาก เพราะบริษัทจัดอันดับยักษ์ใหญ่อีกสองแห่ง คือ Moody’s และ Fitch ยังคงรักษาอันดับเครดิตของอเมริกาไว้ที่ AAA เช่นเดิม จนถึงทุกวันนี้

ในเวลานั้น รัฐบาลอเมริกัน ได้ออกมาแถลงตอบโต้ S&P ทันที โดยกระทรวงการคลังกล่าวว่า S&P ระบุตัวเลขหนี้ของรัฐบาลสูงกว่าความเป็นจริงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ “การที่บริษัทจัดอันดับ ใช้ตัวเลขหนี้ภาครัฐ ที่สูงกว่าความจริงถึง 2 พันล้านดอลลาร์เช่นนี้ จะน่าเชื่อถือได้อย่างไร” ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง S&P ก็ได้ออกแถลงการณ์ยอมรับ และปรับเปลี่ยนตัวเลขให้ถูกต้อง แต่ก็ยังยืนยันการลดอันดับเครดิตเหลือ AA+ เช่นเดิม

เรื่องราวระหว่างรัฐบาลอเมริกัน กับ S&P จึงดำเนินต่อไปอย่างไม่ราบรื่นนัก จนกระทั่งถึงต้นปี 2013 นี้ ก็เกิดข่าวใหญ่ขึ้นในวงการอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลอเมริกันยื่นฟ้อง S&P ให้รับผิดชอบต่อการจัดอันดับตราสารซับไพร์ม โดยกล่าวหาว่าเป็นการให้อันดับเครดิตที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้นักลงทุนหลงเชื่อและลงทุนในตราสารเหล่านั้นจำนวนมาก จนนำไปสู่วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ เมื่อปี 2008 และรัฐบาลฟ้องเรียกค่าปรับจาก S&P จำนวนสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์

S&P ก็ใช่ว่าจะยอมรับ เพราะเมื่อต้นเดือนกันยายน ที่ผ่านมานี้เอง ได้ยื่นเอกสารต่อศาล โดยแถลงว่า ที่รัฐบาลอเมริกันฟ้อง S&P เมื่อเดือนกุมภาพันธ์นั้น เป็นการ “ล้างแค้น” ที่บริษัทได้ลดอันดับเครดิตของประเทศอเมริกา เมื่อต้นปี 2011 เอกสารดังกล่าวระบุว่า “บริษัท S&P เป็นบริษัทจัดอันดับเพียงแห่งเดียว ที่ได้ลดอันดับเครดิตของอเมริกา และก็เป็นบริษัทจัดอันดับเพียงแห่งเดียว ที่ถูกรัฐบาลฟ้อง”

อย่างไรก็ตาม แม้ S&P จะยังคงอันดับไว้ที่ AA+ จนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อเศรษฐกิจของอเมริกาเริ่มมีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้น S&P ก็ได้ปรับ “แนวโน้ม” ของอันดับเครดิต จาก “ลบ” ให้เป็น “มีเสถียรภาพ” อีกครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนมิถุนายน 2013 ที่ผ่านมานี่เอง

ถึงวันนี้ ความสนใจได้มุ่งกลับมาสู่เรื่องอันดับเครดิตของอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง แม้ปัญหาเรื่องงบประมาณจะยังคาราคาซัง และหน่วยงานของรัฐบาลหลายแห่งต้องหยุดให้บริการเป็นการชั่วคราว แต่บริษัทจัดอันดับทั้งหลาย ก็แถลงว่าเรื่องการหยุดงานชั่วคราวยังไม่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิตมากนัก แต่ประเด็นเรื่องการขยายเพดานหนี้ภายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้มากกว่า ที่จะเป็นประเด็นเรื่องอันดับเครดิต

ความจริงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา และไม่เกี่ยวกับ S&P เพียงแห่งเดียว เพราะถ้าหากขยายเพดานหนี้ไม่ได้ รัฐบาลก็มีทางเลือกเหลือเพียงสองทาง หนึ่ง ต้องลดค่าใช้จ่ายลงมาอย่างวูบวาบในทันทีทันใด ซึ่งก็ทำได้ยาก หรือทำได้ก็จะมีผลกระทบอย่างแรง สอง ถ้าหากลดค่าใช้จ่ายอย่างงมากและเฉียบพลันไม่ได้เมื่อถึงเวลาต้องชำระหนี้ ก็จะต้องผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งกรณีที่สองนี้ จะมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตในทันทีทันใด และบริษัทจัดอันดับทุกแห่ง ก็ต้องพิจารณาปรับลดอันดับทันที ไม่เฉพาะ S&P เท่านั้น

ส่วนนักลงทุนสถาบัน ก็เริ่มให้ความเห็นที่หลากหลาย Craig Brothers จาก Bel Air กล่าวว่าอันดับเครดิต AAA หรือ AA ไม่ได้มีผลต่อปริมาณธุรกรรมตราสารหนี้ของอเมริกามากนัก

ส่วน Jim Rupert จาก Action Economics บอกว่า บริษัทจัดอันดับเครดิตได้สูญเสียความน่าเชื่อถือไปมาก ในหลายปีที่ผ่านมา แม้อันดับเครดิตจะยังมีความสำคัญอยู่ แต่ก็ไม่ได้สำคัญที่สุดเหมือนในอดีต และนักลงทุนพิจารณาปัจจัยอื่นประกอบมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม Fitch ก็ได้ออกมาเตือนว่าถ้าหากรัฐสภาไม่สามารถตกลงกันเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ได้ในเวลาอันเหมาะสม “ก็อาจมีผลต่อการลดอันดับเครดิต” ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายก็ถือว่าเป็นคำเตือนที่สำคัญ เพราะถ้าหาก Fitch ลดอันดับลงจริง ก็แปลว่าสอดคล้องกับอันดับเครดิตของ S&P ด้วยเช่นกัน

ส่วน S&P ก็ยังไม่ยอมอยู่เฉยเสียทีเดียว เพราะเมื่อวันจันทร์นี้ หลังจากที่นักการเมืองตกลงกันไม่ได้ในรัฐสภา S&P ก็ได้ออกมาพูดกระแนะกระแหนรัฐบาลอเมริกันอีกครั้งหนึ่งว่า “การต่อสู้โดยใช้ชั้นเชิงทางการเมืองเพื่อกดดันให้สถานการณ์เข้าใกล้จุดหายนะ (Political Brinkmanship) อย่างที่เกิดขึ้นในรัฐสภาเวลานี้นี่แหละ คือสาเหตุหลัก ที่ทำให้อันดับเครดิตของอเมริกา ไม่ใช่ AAA อีกต่อไป”

อย่างนี้จะเรียกว่าพูดจาเสียดสี หรือเยาะเย้ยถากถางก็ไม่รู้ แต่เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป จนถึงวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ซึ่งผมเชื่อว่า นักการเมืองอเมริกัน ก็คงจะเล่มเกมการเมืองแบบหวาดเสียว หรือ Political Brinkmanship จนถึงนาทีสุดท้ายอีกนั่นแหละ เพราะหลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเล่มเกมอย่างนี้เก่งขึ้นเรื่อยๆ

เดาเอาว่า อาจจะดูงานไปจากนักการเมืองแถวเอเชีย บางประเทศนะครับ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เรทติ้ง เกมหวาดเสียว

view