จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สุพรรณี พุฒิพิสุทธิ์

ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชี โครงการจำนำข้าวให้สัมภาษณ์ว่า

กระบวนการปิดบัญชีจำนำข้าวจะแล้วเสร็จไม่เกินกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีออกมาสั่งการว่า กระบวนการดังกล่าวจะต้องแล้วเสร็จในเดือนดังกล่าว ทั้งที่โครงการจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนได้ปิดตัวลงไปตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา


จากผลสรุปปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ชุดคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ที่มีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นประธาน ได้ประเมินว่า ความเสียหายหรือผลขาดทุนของโครงการจะมากกว่า 50% ของเม็ดเงินที่ใช้ทั้งหมดราว 8 แสนล้านบาท เป็นการประเมินจากต้นทุนทั้งหมดลบกับราคาที่ขายข้าวและสต็อกข้าวที่เหลืออยู่ในขณะนั้น แต่ขณะนี้ ราคาข้าวก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าราคารับจำนำอยู่มาก ขณะที่ คุณภาพข้าวเสื่อมลงไปมาก ประเมินกันว่า ข้าวในสต็อกเสื่อมคุณภาพมีถึง 90% กรณีนี้ ยังไม่นับรวมข้าวที่สูญหายไปจากโกดัง ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

นั่นหมายความว่า ผลขาดทุนโครงการนี้ อาจมากกว่า 50% อย่างแน่นอน และหมายความว่า ภาระผลขาดทุนที่เกิดขึ้น จะต้องตกอยู่กับประชาชนผู้เสียภาษีทุกคน เพราะเงินที่นำมาใช้ในโครงการนี้ นำมาจากการกู้เงินทั้งหมด

ในหลักการที่ถูกต้องของการชำระหนี้โครงการนี้ คือ รัฐบาลจะต้องบริหารจัดการไม่ให้เกิดผลขาดทุน โดยนำข้าวที่รับจำนำมาไปขายให้ได้เท่าหรือมากกว่าต้นทุนการรับจำนำ เพื่อนำเงินที่ได้มาชำระหนี้เงินกู้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดภาระต่องบประมาณ ขณะที่ รัฐบาลชุดก่อนเปิดช่องว่า ผลขาดทุนที่เกิดขึ้น รัฐบาลสามารถตั้งงบประมาณมาชดเชยได้

รัฐมนตรีคลัง สมหมาย ภาษี ระบุว่า ภาระที่เกิดขึ้นของโครงการนี้ ประชาชนผู้เสียภาษีต้องร่วมกันรับภาระ และ ภาระนี้ จะยาวนานไปจนถึงรุ่นหลานเลยทีเดียว ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ โดยกระทรวงการคลังกำลังวางแผนที่จะยืดภาระหนี้ดังกล่าวให้นานออกไป เพื่อจะได้ไม่กระทบต่องบประมาณประจำปี ด้วยการนำเงินกู้โครงการทั้งหมดมาบริหารจัดการออกเป็นพันธบัตร เพื่อยืดเวลาการชำระออกไป ซึ่งอาจจะมีระยะเวลามากกว่า 30 ปี


คำถามที่เกิดขึ้น คือ เหตุใดประชาชนทุกคนจะต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายจำนวนมหาศาล ที่เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล ซึ่งรวมถึง ปัญหาที่ปล่อยให้มีการรั่วไหลของโครงการ โดยคนในรัฐบาลที่เป็นผู้บริหารนโยบายทั้งหมด กลับไม่มีส่วนรับผิดชอบที่มากกว่า หรือกล้าที่จะออกมาแสดงความรับผิดชอบเกิดขึ้น


เราคาดหวังในรัฐบาลชุดที่มีอำนาจเต็มว่า จะสามารถหาคนโกงที่อาศัยช่องของนโยบายดังกล่าวมาลงโทษให้ได้ และ คาดหวังว่า จะสามารถวางกรอบให้เกิดความรับผิดชอบ จากการกำหนดนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล เพื่อเป็นมาตรฐานในการขจัดนโยบายประชานิยม ที่สร้างความเสียหายต่อภาระการคลังของประเทศ

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน