จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ พร้อมรับ AEC หรือยัง
โดย ณกฤช เศวตนันท์ Thai.attorney@hotmail.com
ประเทศสิงคโปร์เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของแหลมมลายู มีพื้นที่ประมาณ 700 ตารางกิโลเมตร มีเมืองหลวงชื่อ "สิงคโปร์" มีประชากรประมาณ 4.2 ล้านคน
ประชากรที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวจีน รองลงมาเป็นชาวมาเลย์และชาวอินเดีย ศาสนาที่นับถือมากที่สุด คือ ศาสนาพุทธ รองลงมาได้แก่ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ ถึงแม้ว่าประชากรจะมีความแตกต่างในทางสัญชาติและทางศาสนา แต่ประชากรในประเทศสิงคโปร์ไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งทางศาสนาเลย
การปกครองของสิงคโปร์เป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข นายกรัฐมนตรีเป็นฝ่ายบริหาร ประเทศสิงคโปร์เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ไม่มีแม้กระทั่งน้ำดื่ม ต้องนำเข้าน้ำดื่มเพื่อการบริโภค และไม่มีทรัพยากรเหมือนประเทศอื่น ๆ
สิ่งที่ประเทศสิงคโปร์มี คือ มันสมองและความสามารถของชาวสิงคโปร์
บทความฉบับนี้จะได้กล่าวถึงศักยภาพและความพร้อม ในการเตรียมรับมือของประเทศสิงคโปร์ในประชาคมอาเซียน
ประเทศสิงคโปร์เน้นนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ จากสถานการณ์เศรษฐกิจช่วงไตรมาส 2 เดือนเมษายน-มิถุนายน 2557 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวประมาณร้อยละ 3.8 ต่อปี โดยภาคการผลิตขยายตัวถึงร้อยละ 5.6 มีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากสหรัฐ ญี่ปุ่น และการส่งออกไปยังจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ต่อปี จึงอาจมาแทนที่มาเลเซียภายในปี 2030
ประเทศสิงคโปร์เน้นการส่งออกสินค้าประเภทไอที และอยู่ในอันดับ 4 ของโลก อีกทั้งได้มีการเตรียมความพร้อมอุตสาหกรรมสารสนเทศและการสื่อสารสนเทศ เพื่อรองรับโอกาสจากการเติบโตไอทีซีมาต่อเนื่องกว่า 30 ปี
ประเทศสิงคโปร์นั้นมีการพัฒนาประเทศมายาวนาน ทำให้ประเทศสิงคโปร์มีความพร้อมหลายด้าน โดยเฉพาะความพร้อมทางด้านการเงิน ปัจจุบันประเทศสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางทางเงินและอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในย่านนี้ จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอาจส่งผลให้ค่าเงินบาทสูงขึ้น รวมทั้งความพร้อมด้านการศึกษาของประเทศสิงคโปร์นั้นได้รับการยอมรับทั่วโลก ว่าเป็นการศึกษาที่มีคุณภาพ
บริษัทเพอร์ซัน (Person) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการศึกษาชื่อดังของอเมริกา ได้จัดอันดับประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก โดยจากการจัดอันดับจำนวน 40 ประเทศ ประเทศสิงคโปร์จัดอยู่ในอันดับที่ 5 อันแสดงถึงให้เห็นศักยภาพการศึกษาที่ดีและคุณภาพที่ดีในอนาคต
แผนยุทธศาสตร์ในการเร่งรับมือให้ทันการเปิดประชาคมอาเซียนของสิงคโปร์นั้น ได้แก่ การวางพื้นที่เมืองใหม่ โดยมีเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ทั่วเกาะสิงคโปร์ในระยะยาวที่จะแล้วเสร็จในปี 2015 ใช้ระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคม แผนดังกล่าวมีทั้งการก่อสร้างที่พักอาศัยและระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะในเขต แคมปอง บูกิส (Kampong Bugis) และ มารินา เซาท์ (Marina South) ที่ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่สีเขียว มีความเป็นเมืองที่น่าอยู่มากขึ้น
การวางแผนพื้นที่ใหม่ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะให้ประชาชนขับรถยนต์น้อยลงที่สุด โดยเน้นการสร้างสวนสาธารณะและเส้นทางสำหรับจักรยาน พร้อมกับส่งเสริมให้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT รถประจำทาง และรถแท็กซี่ รัฐบาลได้มีนโยบายเร่งสร้างพันธมิตรทางการค้ามากมาย และมีนโยบายสนับสนุนให้นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เช่น มีการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทที่ไปลงทุนนอกประเทศ บรรดาบริษัทในสิงคโปร์ต่างให้ความสนใจเข้าไปลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
อาทิ บริษัทเคปเปลแลนด์ (Keppel Land) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์ ได้เข้าซื้อโครงการที่อยู่อาศัยระดับสูงที่กรุงนิวยอร์ก ในราคาที่สูงถึง 70 ล้านสิงคโปร์ อันเป็นการลงทุนครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา และแพน แปซิฟิก (Pan Pacific) เป็นธุรกิจด้านการโรงแรมของประเทศสิงคโปร์ ได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจโรงแรมแห่งแรกในกรุงเนย์ปิดอว์ (Naypyidaw) เมืองหลวงของพม่า
แพน แปซิฟิก (Pan Pacific) เล็งเห็นโอกาสจากการท่องเที่ยวในประเทศพม่า ตามกระแสธุรกิจที่รุกเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวพม่า ที่กำลังเฟื่องฟูอย่างมาก อันเนื่องมาจากการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ และการเปิดประเทศของพม่า
ประเทศสิงคโปร์มีความพร้อมทางด้านการลงทุน และได้เข้าไปลงทุนทั้งในประเทศกับต่างประเทศ มีความมั่นคงทางการเมือง มีกฎหมายเคร่งครัด อาชญากรรมต่ำ มีระบบบริหารจัดการการเงินการคลังที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งได้มีการเร่งมือพัฒนาศักยภาพ โดยสร้างตู้เอทีเอ็มจำหน่ายทอง 2 เครื่องแรกในเอเชีย ติดตั้งอยู่ 2 แห่งในประเทศสิงคโปร์ ได้แก่ ที่รีสอร์ต เวิลด์ เซนโตซ่า (Resorts World Sentosa) และโรงแรมมารีนา เบย์ แซนด์ส (Hotel Marina Bay Sands) สามารถเลือกขนาดทองที่มีความแตกต่างกันตั้งแต่ 1-10 กรัม และมีราคาซื้อขายที่อ้างอิงตามราคาตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน และทางบริษัทของสิงคโปร์ยังมีแผนที่จะติดตั้งเครื่องจำหน่ายทองเพิ่มอีก 3 แห่ง
นอกจากนี้ ประเทศสิงคโปร์เร่งรับมือ AEC ด้วยการสร้างอุโมงค์ใต้ดินลึกถึง 150 เมตร และมีความจุถึง 1.47 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเอาไว้เก็บน้ำมันดิบอุโมงค์ใต้ดิน ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากการจัดอันดับความสัมพันธ์ระหว่างสิงคโปร์กับไทยนั้น สิงคโปร์มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้าที่ไทยส่งออกสินค้าไปขายมากเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอาเซียน เป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับ 1 ของไทยในอาเซียน และเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 2 ของไทยในกลุ่มอาเซียน
ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศในกลุ่มอาเซียนที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุด ประเทศไทยจึงควรติดตามสถานการณ์ประเทศสิงคโปร์อย่างใกล้ชิด ทั้งทางเศรษฐกิจ ด้านการลงทุน และการท่องเที่ยว ที่มีผลกระทบกับประเทศไทยโดยตรง และอาจดูการรับมือ AEC ของสิงคโปร์เป็นตัวอย่าง
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน