จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ Smart SMEs โดย อุดมศักดิ์ โรจน์วิบูลย์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงไทย
ถึงวันนี้แล้วคงไม่มีใครไม่เคยได้ยินเรื่อง "ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" หรือ "AEC" กันแล้วนะครับ ผู้ประกอบการไทยหลายรายให้ความสนใจเป็นพิเศษกับประเทศเมียนมาร์ โดยในเดือนที่แล้วทางธนาคารกรุงไทยก็ได้มีการพาผู้ประกอบการ SMEs เข้าไปศึกษาตลาดในธุรกิจที่เมียนมาร์ พบว่ามีโอกาสทางธุรกิจหลากหลายประเภท ทั้งที่เป็นการค้าขายสินค้าหรือการลงทุนครับ
สำหรับการลงทุนในประเทศเมียนมาร์มีอยู่ 3 รูปแบบ คือ
1.ลงทุนผ่าน Myanmar Investment Commission หรือ MIC ซึ่งก็เหมือนหน่วยงานBOI (Board of Investment) ของไทย ทำหน้าที่ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้พิจารณายอมรับหรือปฏิเสธการพิจารณาข้อเสนอโครงการลงทุนจากต่างชาติ
2.ลงทุนใน Special Economic Zone หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนสำหรับนักธุรกิจต่างชาติ อาทิ กำหนดระยะเวลาการเช่าที่ดินได้นานกว่าการลงทุนประเภทอื่น ๆ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้และลดหย่อนพิเศษกว่าการลงทุนแบบอื่น รวมทั้งยกเว้นภาษีนำเข้าต่าง ๆ ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป
3.ลงทุนโดยการจัดตั้งบริษัทในประเทศเมียนมาร์ โดยจดทะเบียนกับ Directorate of Investment and Company Administration (DICA) ซึ่งนักธุรกิจที่เข้าไปจะถือ Business Visa ในการทำธุรกิจ และสามารถทำได้ในทุกประเภทธุรกิจ ยกเว้น Trading
ทั้งนี้ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ผู้ประกอบการต้องคอยติดตามข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อศึกษาข้อมูลและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่นักลงทุนควรจะได้รับ
ในการลงทุนในประเทศเมียนมาร์ ยังมีข้อควรพิจารณาคือ อุปสรรคด้านโครงข่ายพื้นฐานต่าง ๆ ที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ อาจเป็นอุปสรรคในการดำเนินการในบางอย่าง และแรงงานของพม่าที่ยังขาดทักษะในการทำงานอยู่ หากผู้ประกอบการอยากเข้าไปลงทุนอาจต้องมีการวางแผนในการพัฒนาทักษะของแรงงานด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญค่าครองชีพในปัจจุบันของกรุงย่างกุ้งสูงกว่าในกรุงเทพฯถึงประมาณ 20% ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องพิจารณารอบด้านนะครับ
สำหรับผู้ประกอบการท่านไหนที่สนใจ ก็สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ทั้งจากสถานทูตไทย หรือหน่วยงานราชการอื่น ๆ หรือแม้แต่สำนักผู้แทนของธนาคารกรุงไทยนะครับ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน