ถึงกับเงิบ! “พาณิชย์” ตอกหน้าแก๊งตีกิน ยันปิดบัญชีปี 58 ข้าวไม่หาย ที่หายเป็นของปี 57 ผลพวงจากรัฐบาลเก่า
จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
“พาณิชย์” ยันชัดปิดบัญชีข้าวปี 58 ไม่หาย หลัง 2 หน่วยงานทั้ง อคส.-อ.ต.ก.แจกแจงการลงบัญชีได้ตัวเลขตรงกัน ส่วนปี 57 ผลพวงจากรัฐบาลก่อน หายจริง และได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ซัดอย่ามั่วนิ่มเอามาตีกิน
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เก็บรักษาข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ทั้งองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เพื่อตรวจสอบการปิดบัญชีข้าวของปี 2558 ตามที่กระทรวงการคลังได้ท้วงติงก่อนหน้านี้ว่ามีข้าวขาดไป 3.9 แสนตัน ซึ่งจากการตรวจสอบได้ข้อสรุปตรงกันว่าข้าวไม่ได้หาย แต่เป็นขั้นตอนของการลงบัญชีที่ลงบัญชีสุทธิ แต่ยังไม่ได้หักข้าวที่ต้องส่งมอบตามสัญญา และน้ำหนักกระสอบออก ซึ่งเมื่อเช็กตัวเลขแล้วก็สามารถยืนยันกันได้ว่าข้าวอยู่ตรงไหน ไม่ได้หายไป
“ได้สรุปผลการตรวจสอบ และส่งรายละเอียดกลับคืนไปให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีข้าวของกระทรวงการคลัง แล้ว ซึ่งคงจะชัดเจนว่าข้าวในสต๊อกที่รัฐบาลดูแล นับตั้งแต่การตรวจสอบหลังการปิดบัญชีในปี 2557 ไม่ได้หายไปไหน สามารถตรวจสอบได้”
สำหรับการนำประเด็นข้าวไม่หาย และได้มีการนำไปเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์ของคนบางกลุ่มและบางฝ่ายนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นคนละส่วนกับการปิดบัญชีข้าวของปี 2558 เพราะการปิดบัญชีข้าวของปี 2557 ได้ตรวจสอบพบว่ามีข้าวหายจริง และได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งในคดีทุจริตขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) นั้น กระทรวงพาณิชย์ได้ส่งเรื่องไปให้กระทรวงการคลังตรวจสอบตัวเลขความเสียหาย แล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องและคำนวณตัวเลขความเสียหาย หากเห็นด้วยหรือเห็นเป็นอย่างอื่น ก็จะแจ้งกลับมายังกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าน่าจะภายในเดือนนี้หรือเดือนหน้า
ส่วนคดีทางแพ่ง ที่ต้องฟ้องร้องเอกชนที่เกี่ยวข้องจำนวน 15 ราย ภายในวันที่ 15 ก.พ. 2559 นั้น ขณะนี้ถือว่าได้ข้อยุติแล้วว่าคดีไม่หมดอายุความ เพราะได้ฟ้องร้องเป็นคดีอาญาไปแล้ว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ขณะนี้มีความพยายามของกลุ่มบุคคลและผู้ที่เชื่อมโยงกับบุคคลที่ถูกสำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์และพวกรวม 22 ราย กรณีทุจริตขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ได้นำกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าข้าวไม่หาย มาเหมารวมว่ากระทรวงพาณิชย์ช่วยการันตี แต่จริงๆ แล้ว เป็นข้าวในส่วนของการปิดบัญชีปี 2558 ที่รัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาดูแล ซึ่งไม่ได้หาย
ส่วนข้าวที่มีการตรวจสอบในปี 2557 นับตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศ และต้องทำการปิดบัญชี พบว่า ผลพวงจากการบริหารจัดการเรื่องข้าวของรัฐบาลชุดที่แล้ว มีข้าวหายไปจริง โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว ซึ่งเป็นคนละส่วนกันกับการปิดบัญชีข้าวของปี 2558
พาณิชย์เผยตัวเลขปิดบัญชีจำนำข้าวปี′58 ไม่หาย
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า หรือ อคส. และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อตก. รวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอให้กับคณะกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าวพิจารณา ตามที่พบว่าตัวเลขปิดบัญชีไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงกันทางบัญชี ซึ่งจะถือเป็นการตรวจทานตัวเลขทางบัญชีของนักบัญชีเพื่อความถูกต้อง ซึ่งเกี่ยวกับปริมาณของข้าวซึ่งจะมีการคำนวณรวมเอาปริมาณข้าวที่มีภาระส่ง มอบ และยังรวมน้ำหนักกระสอบเข้าไปด้วย ทำให้ตัวเลขสรุปปริมาณข้าวไม่ตรงกันกับบัญชีของ อคส.
อย่างไรก็ดี ทาง อคส.ได้ชี้แจงถึงปัญหาของตัวเลขปิดบัญชีแล้ว และได้มีการชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการปิดบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่าข้าวในการปิดบัญชี 30 กันยายน 2558 ไม่ได้หาย และไม่เกี่ยวข้องกับการปิดบัญชีในปี 57 ซึ่งมีข้าวหายจริง และก็ได้แจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว
"ปัญหาตัวเลขปิดบัญชีของปี 58 เกิดจากความเข้าใจผิดในการสอบทานตัวเลข ทำให้ตัวเลขไม่ตรงกัน ไม่ได้มีข้าวหาย แต่ในปี 57 มีข้าวหายจริงและได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นอย่าเอาไปโยงกัน"
อย่างไรก็ดี สำหรับข้อมูลเรื่องของการเรียกร้องความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้กับกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเชื่อว่ากระทรวงการคลังน่าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ภายใน 1-2 เดือน ก่อนที่จะดำเนินเรื่องของคดีต่อไป
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน